Sunday, December 25, 2016

กินข้าวทีเดียวชีวิตเปลี่ยน 555

วันนี้ไปกินข้าวกับเพื่อนมา เป็นการกินข้าวที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยน 555
เพราะพบว่าทุกคนมีแพลนไปเที่ยวต่างประเทศกันไกลๆรออยู่ข้างหน้ากันหมด แล้วพอหันมาดูเราเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา..

ตัดสินใจทำเกมซักปีเต็มๆไปแล้วมันก็ดีอยู่เพราะคิดว่าเงินที่มีจะอยู่ได้ มันก็อยู่ได้แหละ แต่ลืมนึกไปว่าอยู่ได้ แต่เที่ยวไม่ได้

โลกนี้กว้างมาก มีที่ไหนที่ยังไม่ได้ไปเยอะแยะ

แล้วการไปเที่ยวมันก็ต้องไปกับเพื่อนสิ!

แต่ถ้าไม่รับงานประจำ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะพร้อมไปเที่ยว (หรืออาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็ได้ ถ้าเกมมันไม่ได้) แต่ถ้าเข้างานประจำ ผ่านไป 5 เดือนแค่นี้ เงินเดือนมารวมกันก็มีเงินไปเที่ยวกับเพื่อนแล้ว...

การทำเกมมันพีคตรงตอนทำมันก็ดี แต่การทำงานประจำมันก็พีคตรงตอนได้ใช้ค่าตอบแทนไปทำโน่นทำนี่อย่างอื่น ถ้าหากว่าทำเกมต่อไป ชีวิตก็จะเหลือแค่พีคตอนทำเกม เราก็จะไม่มีอย่างอื่นเหมือนเอาเงินไปแลก เงินแลกได้หลากหลาย ยกเว้นแลกการทำแบบทำเกมที่ทำอยู่นี่ คิดไปคิดมาก็เหมือนมันเป็นเซ็ตที่ intersect กันแล้วได้ 0 เลย

ก็เลยได้มาคิดว่า ที่เราตัดสินใจไปว่าทำ full time ซักปีอาจจะคิดผิด กว่าจะได้เงินจริงๆเพื่อนๆก็คงเลิกเที่ยวกันหมดแล้ว (5 ปีถัดไป?)

หรือว่าเราอ่อนหัดเอง จริงๆแล้วทำงานประจำแล้วกลับมาทำเกมด้วยก็ไหวแต่เราดันปวกเปียกซะก่อน?

ก็เลยมีแผนใหม่ขึ้นมาคือ ไปสมัครงาน SCB เป็นงานประจำแล้วทำเกมตอนเลิกงาน เหมือนสมัยเรียนตรีจบใหม่ๆนั่นแหละ แต่ครั้งนี้มี counter ความเหนื่อยอย่างนึงคือมันเป็น SCB มันไม่ต้องนั่งขนส่งแม้แต่ครั้งเดียวก็ไปถึงกับเดินกลับได้ น่าจะช่วยได้มาก งานที่แล้วต้องนั่งรถเมล์ - MRT - เดิน แล้วก็ขากลับ ทุกวันๆ รู้สึกว่ามันเป็นจุดที่ทำให้เหนื่อยกับชีวิตเกิน 50%

ไม่แน่ว่างานประจำ ก็อาจไปด้วยกันกับเกมได้ถ้าเป็น SCB!?

แต่ก็คงต้องสมัครเลย เพราะกว่าจะได้ก็คงซักกุมภา

ถ้าสมัครเลยก็มีแผนต่อเนื่องคือใช้กุมภาเป็น deadline สำหรับมิวสิคเกมเลย พอเข้างาน SCB แล้วจะได้รอดูท่าทีของเกมไปเรื่อยๆได้ ไม่ต้อง active development ขนาดนั้น แล้วถ้าเกมมันรุ่งจริงๆสิ้นปีก็ค่อยออกจาก SCB

จริงๆก็ดูน่าสนใจ กลัวจะไม่ไหวเหมือนกัน แต่คงต้องลองซักตั้งล่ะมั้งว่าตัดการเดินทางแล้วจะช่วยได้ขนาดนั้นจริงมั้ย แต่จำได้แม่นว่าเดินทางมันเหนื่อยมากจริงๆ

Saturday, October 15, 2016

กอด

ติดหมอนข้าง ชอบกอดแล้วคิดไปเรื่อยเปื่อย ละชอบพานึกไปถึงว่าไม่ได้กอดคนจริงๆมากี่ปีแล้วทุกที

เวลามีปัญหาคิดมากบางทีก็นึกอยู่นะว่าแค่ใครมากอดน่าจะทำให้หายได้โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรกันซักคำเลย ดูจะเป็นยาวิเศษที่ใกล้ตัว แต่ไม่เคยได้

ในเนื้อเรื่องเกมต่อไปที่คิดถึงกับมีเรื่องนี่ด้วย.. ช่วงที่คิดจุด key point ของเรื่องต่อได้คือตอนตื่นนอนของแต่ละวันล้วนๆเลย ช่วงเวิ่นเว้อ

เออ รู้สึกว่าเคยใช้บริการ free hug แถวๆชิบูยะทีนึง ตอนแรกจำได้ว่าเคยคิดว่าคืออะไรตลกดี แต่พอเราอยู่ในจุดนึงแล้วเห็นป้ายนั่นแล้ว น้ำตาจะไหล แบบ อีเหี้ยยย นี่ไงเจอแล้วคนที่เข้าใจเรา ...แต่เป็นใครก็ไม่รู้ แล้วไม่รู้เรื่องของเราเลย... (ironic จัง)

2.5 ปีก่อน ก่อนไปเรียนญี่ปุ่นอีก เคยมีคิดอยากจะบอกคนนึงว่ากอดเรามั้ย คือเป็นห่วงอยากช่วย แต่ไม่ต้องรู้เรื่องก็ได้ ดูจะเหมาะกับคนแบบเรามาก

แต่ติดปัญหาอยู่อย่างเดียวคือ ใครจะอยากกอดมึง พอคิดแบบนั้นแล้วก็โอเคล้มเลิก โทรไปเฉยๆก็ได้ฟระ 555


Sunday, October 9, 2016

ถึงเวลาที่จะไปต่อแล้ว

จะว่าไปก็นานแล้วนะที่เหมือนมีอะไรไม่รู้คาอยู่

เหมือนมีรถ ที่เวลาขับมีเสียงอะไรซักอย่างจากเครื่องเรื่อยๆ คงมีอะไรติด แต่ถึงไม่ทำอะไรมันก็คงไปข้างหน้าเรื่อยๆได้แต่ก็คงเคือง เคืองจนไม่เคืองแล้วเพราะอยู่กับมันมาตลอดจนชิน จนคิดว่าจริงๆมันก็โอเคแหละ นิดเดียวเอง ไม่ต้องสมบูรณ์แบบก็ได้มั้ง

ตอนแรก คิดว่าเก็บๆไว้ก็คงไม่เป็นอะไร ตอนนี้มันก็ดีมากอยู่แล้ว ถ้าไปทำอะไรมันแล้วยิ่งพังขึ้นมาจะให้ทำยังไง

สุดท้ายหลายๆอย่างก็พาให้เอามันออกไป หลังจากที่ลองขับอีกที มันก็เป็นคันเดิมที่วิ่งได้เหมือนเดิม แต่หลังจากที่เคืองมาจนชินทำให้รู้สึกได้ว่านี่ก่อนที่เครื่องจะมีปัญหามันเป็นแบบนี้ นานจนจะเกือบจำไม่ได้จริงๆ

ส่วนไปทำอะไรแล้วมีปัญหามั้ย ตอนนี้นอกจากช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกนิดหน่อยที่เหลือก็อยากให้มันเหมือนเดิมที่เคยไปไหนมาไหนกันมา..

ทางยังมีให้ไปต่ออยู่ แต่ไม่ชัดเท่าเมื่อก่อนแล้ว
Chapter ถัดไปกำลังจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ทำเกมมันจะรอดมั้ยก็ไม่รู้นะ 555

ปล. ไฟล์นี้ทำเป็น backup สำรองไว้เผื่อของจริงหายกับเผื่อฉุกเฉิน (?)
ติดพาสไว้ คงต้องเขียนคำใบ้ไว้ให้ตัวเองด้วย คือมันเป็นคำตอบของคำถามนึง
เขียนไว้แค่นี้ตัวเองในอนาคตมาอ่านประกอบกับ post นี้น่าจะรู้..

Wednesday, October 5, 2016

กลับมาไทยแล้วครับ

ในที่สุดก็จบโทแล้ว จะลองทำตามแผนที่วางไว้ใน blog ที่ผ่านๆมาดูครับ ก็คืออยากลองทำ full time กับเกมดูด้วยเงินเก็บจากญี่ปุ่น

ตอนนี้จัดห้องจัดคอมเสร็จหมดแล้วใช้เวลา 6 วัน วันนี้จะเริ่มจริงๆละ ก็ หวังว่าจะไปได้ด้วยดีล่ะนะ

post นี้ เป็นการเริ่มต้นชีวิตบทใหม่หลังจาก ป โท แต่ก็ไม่มีอะไรพิมพ์มาเพราะพิมพ์ไปในช่องทางอื่นกับ blog ที่บ่นผ่านๆมาหมดละ


http://blog.exceed7.com/2016/10/the-story-continues-today.html <- มีภาพ selfie สุดหายาก! ร้อยปีจะคิดว่าควรมีหน้าตัวเองอยู่บนเน็ตซักครั้ง

ลองลุยซักตั้งล่ะ

Friday, July 1, 2016

มีสิ่งที่อยากทำแต่ทำไม่ได้ มัวแต่มาทำอะไรไม่รู้

วันนี้จะมาบ่นอีเรื่องวิจัยนี่แหละ

ก่อนอื่นสิ่งที่ทำให้โยงมาพิมพ์เรื่องนี้ก็คือสอง JLPT อันแสนสำคัญในวันอาทิตย์นี้ มูลค่า 5000 เยนที่จ่ายไปเมื่อ 3 เดือนก่อน.. ก่อนอื่นท้าวความก่อนว่ามันเป็น "สิ่งที่อยากทำ" อันนึงของเราจริงๆที่สำคัญมาก หลักๆตอนนี้ก็มีสามอัน

1. ทำเกม Duel Otters กับทำมิวสิคเกมใหม่ต่อ
2. แต่งเพลง ทำเพลง BOFU2016 / SF2016 ต่อ
3. ฝึกภาษาญี่ปุ่น ชีวิตนี้อยากได้ระดับเดียวกับภาษาอังกฤษที่เป็นอยู่ตอนนี้คือเกือบ Native คุยได้สบาย

ทุกอย่างเป็นอันต้องพังทลาย ไม่พังหรอกแต่ไม่ได้ทำมากกว่าซึ่งก็เท่ากับพังนั่นแหละเพราะรู้ดีว่าอะไรที่ผลัดวันไปเรื่อยๆมันก็ไม่เกิดขึ้นหรอกถ้าไม่ทำให้มันเกิดขึ้น (คติของ บ. Exceed7 ที่ตั้งขึ้นมาก็เลยเป็น Let's make something happen!)

เพราะ ป.โท กับแลปอย่างเดียว วันที่ผ่านมานี่แทบไม่เป็นอันนอน ประชุมก็ทุกสัปดาห์โดนด่าทุกสัปดาห์ว่าเอาเวลาไปทำอะไรอยู่ทำไมไม่มี progress ซะที ก็ทำแต่แลปนี่แหละแต่แก้บัคอยู่ อ. ก็ไม่เข้าใจเพราะการแก้บัคบางทีมันโชว์ progress ไม่ได้ แล้วมันโชว์ได้ที่ไหนว่าวันจันทร์พยายามแก้ตรงนั้น อังคารแก้ตรงนี้ โดยที่ยังไม่หลุดจาก Segmentation Fault เลยด้วยซ้ำ แล้วมันจะโชว์ได้ไงเนี่ย

กลับมาต่อที่ JLPT ก็เลย... คิดว่าจะไม่ไปสอบแล้ว จริงๆตั้งแต่นานแล้วมาถึงเมื่อวาน ก็คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าต้องลอง ต้องลอง ทั้งๆที่มือนั่งโปรแกรมไอ้แลป ป.โท อยู่เนี่ยไม่ได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นเตรียมจะไปสอบซักนิด ทำแลปไปในหัวก็คิดแต่ อยากเรียนญี่ปุ่นๆๆๆ ตลอด แต่เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์...​3 เดือน ก็มีแต่แลปๆๆ เวลาที่อยากเรียนก็ต้องทำแลป เสาร์อาทิตย์ก็ยังต้องทำแลป เกมก็นิ่ง เพลงก็นิ่ง ญี่ปุ่นก็นิ่งหมด แต่ต้องมาทำอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ได้เป็นเป้าหมายชีวิตเลย คือรู้สึกเสียเวลามากๆ คือรู้สึกว่า "ไม่รู้จะทำไปทำไม" อย่างแท้จริง

วันแล้ววันเล่าผ่านไป ได้แค่ฝึกในส้วมกับตอนกินข้าวในโรงอาหารที่ต้องออกมานั่งแยกคนเดียวทุกวัน (เพราะถ้างมมือถือระหว่างกินข้าวกับกลุ่มใหญ่เดี๋ยวก็โดนมองเป็นคนติดโซเชียลอีก จริงๆ Twitter ก็โซเชียลแหละแต่ฝึกญี่ปุ่นอยู่ไง) คือมีเวลาแค่นั้นจริงๆ ถ้าจะเอาเวลาอีกก็เหลือเวลานอนกับเวลาพักผ่อน ก็คือเอาไว้เล่นเกมกับออกไปกินอะไรข้างนอก ถ้าคิดว่าจะตัดเวลาพักผ่อนมาเรียนญี่ปุ่นก็ได้ไม่ใช่เหรอ คือมันไม่ได้หรอก บ้าตายพอดี สิ่งที่อยากทำมันไม่ได้อยู่หมวดเดียวกับพักผ่อนเลย

คิดๆอยู่ว่าเรียนจบแล้วจะต้องจัดชีวิตให้ไม่ว่าทำอะไรก็ contribute ไปในทางสิ่งที่อยากทำในชีวิตให้ได้ คือแม้แต่ไปสมัครเป็นพนักงาน SCB ที่ไม่เกี่ยวกับชีวิตเท่าไหร่ยังเกี่ยวกว่าเรียนโทเก็บใบนี่เลยเพราะได้เงินเอามาสานฝันต่อได้ บวกกับมีเวลาว่างช่วงเย็นไว้สานฝัน ก็คือเกี่ยวนั่นแหละ เทียบกับไอ้แลปเนี่ย แม้แต่เวลาว่างช่วงเย็นยังไม่มีเลย ตื่นนอนยันเที่ยงคืนมีแต่แลปๆๆ แล้ว distraction เยอะมาก เมลถล่มมาทุกวัน มีแค่บางอันสำคัญแล้วถ้าเผลอมองข้ามโดนด่า เดี๋ยวก็มีตติ้งแลปทุกสัปดาห์ เดี๋ยวก็ต้องนัดคุยกับ อ. อีก

มองไปบนกำแพง.. เห็นปฎิทิน "อ่านนิยายญี่ปุ่นกับการ์ตูนให้จบอีก 3 เล่มก่อนวันกินเนื้อย่างกับเพื่อนญี่ปุ่นที่ไม่เคยแม้แต่เห็นหน้ากันมาก่อน" (เดี๋ยวโอกาสหน้าจะมาเขียนเรื่องนี้ สุดท้ายก็ไปมาแล้ว สนุกดี) ซึ่งเป็นวันที่ 14 มีนา ถึง 24 เมษา คือปฎิทินนี้ เขียนไว้ว่าวันไหนควรจะได้หน้าไหนของเล่มไหน ซึ่งทำตามได้ถึงแค่วันที่ 18 มีนาเท่านั้น แล้วเลขหน้ามันก็ค่อยๆห่างไกลออกไปๆอย่างช่วยไม่ได้ทั้งๆที่อยากอ่านใจจะขาดดันต้องมาทำแลปอะไรไม่รู้ แล้วก็ต้องเลิกทำตามแต่ก็ยังติดมันไว้ดูให้ทรมานเล่นบนกำแพงห้อง สุดท้ายวันที่ 24 เมษาก็ไปกินเนื้อย่างโดยที่ความรู้เท่าๆเดิม

จาก 24 เมษาก็มีอีกเดดไลน์นึงให้พยายามก็คือ 3 กรกฎาที่จะถึงอีกสองวันนี่แหละ วันสอบ JLPT ไง หลังจากวันเนื้อย่างก็คิดเหมือนเดิมว่าเออ เอาใหม่อีกทีคงจะทำได้แหละเราอีกสองเดือนกว่าๆ สู้ๆ แล้วสุดท้ายก็เหมือนเดิม แลปๆๆ จนไม่เป็นอันตั้งใจเรียนเลย ความรู้สึกของสัปดาห์ล่าสุด (เหลืออีก 7 วันถึงวันสอบ) นี่อยากลาแลปทั้งสัปดาห์มาฝึกญี่ปุ่นฟินๆ 24 ชม. เลยด้วยซ้ำ แล้วก็โดนไอ้ "ความรับผิดชอบ" นี่แหละดึงตัวไปแลป (แม่สอนมาบ่อย) สุดท้ายก็เดินไปแลปเซ็งๆเพื่อกลับออกมาอีกทีตอนตี 1 ตี 2 แล้วก็ไม่มีเวลาทำอะไรอีกหลังเล่นเกมกับเพื่อนนิดหน่อยแล้วก็ต้องนอนแล้วก็ตื่นมาเหมือนเดิม

มาจนถึงวันนี้ตื่นมา 7 โมงเนี่ย เหมือนความจริงที่หลบไม่ได้อีกต่อไปมันก็มาแล้วว่า ยกเลิกสอบ JLPT เถอะ คือส่วนตัวไม่ได้อยากได้หลักฐานใบประกาศ N2 อะไรนั่นอยู่แล้วไงเพราะไม่ได้ใช้ ที่เรียนญี่ปุ่นเพราะอยากเก่งจะได้แปลเกมตัวเองจะได้อ่านการ์ตูน ไม่ได้จะเอาไปสมัครงานอะไร ถามว่าแล้วไม่อยากรู้คะแนนเหรอ คืออยาก แต่ไม่อยากรู้คะแนนที่มาจากการเดา 90% แบบนั้นไงมันไม่มีความหมาย เวลาวันอาทิตย์เอาไปทำแลปที่แสนเกลียดยังจะดีกว่าไปทำอะไรที่ไม่มีความหมายแบบนั้น สอบนี่ลงไปเพื่อให้มีเป้าหมายพยายามเฉยๆ ส่วนเงินก็ไม่ได้เสียดายหรอก แค่เวลาวันอาทิตย์ที่จะต้องใช้เดินทางไปสอบแล้วกลับมานี่ยังเสียดายกว่า ไม่ไปยังจะดีกว่า

แต่การทำโทนี่ก็เกี่ยวที่ทำให้มีโอกาสมาญี่ปุ่นนั่นแหละ เนื้อย่างก็คงเป็นผลจากการที่ได้เรียนโทนี่เหมือนกัน แต่ตอนมาทำแลปใช้กรรมนี่ยังไงมันก็รู้สึกไม่ดีเลยเพราะมันไม่เกี่ยวกับชีวิตซักนิดเดียวแถมทำให้อันที่จะเกี่ยวอย่างเนื้อย่างเละไปด้วยอีก (เกมก็เละ เพลงก็เละ ฝึกเล่นเบสก็ไม่ได้เริ่ม เละหมด)

มาคิดๆดูมันก็สอนเรานะ เวลาที่มีความหมายกับชีวิตนี่มันหยุดลงตั้งแต่ 18 มีนาคมมาจนถึงตอนนี้แล้วเหรอ ที่เราไม่ได้ทำอะไร "ให้มันเดินต่อไป" แต่แค่แก่ลงๆทุกวันเฉยๆ (น้ำหนักขึ้น 5 กิโลจากปีที่แล้วด้วยแน่ะจากวัดผลสุขภาพ) ....หรือมันอาจจะหยุดลงก่อนหน้านั้นมาอีกนานแล้วก็ไม่รู้

Monday, June 13, 2016

Balance ระหว่างสิ่งที่ต้องทำกับสิ่งที่อยากทำนี่มันเสี่ยงและยากมากจริงๆ

ปัญหาใหญ่โคตรๆตอนนี้คือ..

ตอนทำเกมนะแบบ แก้บัคลืมวันลืมคืนไม่กินอะไรยังได้เลย
เพลงมีต้องทำเยอะก็อยากทำ มี collab กับคนญี่ปุ่นอยากทำต่อ มีงานประกวดอยากส่ง
และภาษาญี่ปุ่นก็อยากสอบ N2 ผ่าน อยากได้ภาษาญี่ปุ่นเก่งๆ

แต่ดันต้องเจียดเวลาไปทำสิ่งที่ต้องทำคือเรียนโทให้จบให้มันพอดีนี่ทั้งยากทั้งเสี่ยงสุดๆจริงๆ
ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่เหนือหรือใต้เส้นอันตรายกันแน่

รู้ทั้งรู้ว่าเป็นงี้ต่อไปเรียนไม่จบแน่ แต่เมื่อเช้า (วันจันทร์ วันธรรมดา)​ ยังตื่นมาแก้บัคกับเขียนเทสเกมอยู่เลย แล้วแปปเดียวจากเที่ยง.. ก็กลายเป็น 1 ทุ่ม มันเพลินขนาดนั้นเลยนะ

นี่ขนาดในใจมีความกังวลเรื่องเรียนจบยังเพลินได้ขนาดนี้เลย ถ้าเรียนจบแล้วทำเกมจริงๆสงสัยยาวถึงนอนได้

โอ้ยยยยย อยากทำสิ่งที่อยากทำ แล้วก็ทำไปแล้วด้วยนะไม่ใช่ไม่ทำ แต่ยิ่งวันผ่านไปยิ่งกังวลกับไอ้เรียนจบบ้าๆนี่มากขึ้น (ขณะที่กังวลอยู่ก็หยุดทำเกมตัวเองไม่ได้ เพราะไอเดียมันมาเต็มไปหมด) ถ้าทำได้อยากขอพักการเรียนซักปีแล้วค่อยมาต่อให้จบโทเลยด้วยซ้ำในตอนที่มีอะไรอยากทำเยอะขนาดนี้ แต่ทำแบบนั้นได้ซะที่ไหนเพราะเรามาเรียนทุน ถ้าขอพักมาเรียนใหม่ก็ต้องจ่ายเงิน... ไม่ไหวเหมือนกัน

Thursday, June 9, 2016

วันที่รู้สึกว่า "สำเร็จ"

เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ในที่สุดเพลง Ruination ที่แต่งส่งไปให้ Rayark Artist Collaboration 2014 เมื่อประมาณสองปีก่อนก็ได้ออกโรงในเกม VOEZ ซะที

ซึ่งอ่านเรื่องราวตอนแต่งเพลงนั้นไว้ได้ที่นี่ http://5argon.blogspot.jp/2015/01/live-blog-rayark-artist-collaboration.html กลับไปอ่านอีกทีรู้สึกหล่อ 5555 ตอนนั้นแมร่งโคตรสิ้นหวังเลย

สมัยปี 3 ได้เล่นเกม Cytus ซึ่งตอนนั้นมีอยู่ 3 Chapter.. บริษัท Rayark ก็กลายเป็น บ. ในดวงใจมาตลอด เป็น บ. ที่หล่อมาก ทำเกมแบบมีสไตล์มีคุณค่าไม่เหมือนทำออกมาหาเงินโต้งๆ มีเรื่องราวมีอะไรครบ แต่เหมือน บ. จะประสบปัญหาทำรายได้ไม่ดี เห็นหน้าที่ร้องขอให้ช่วยกันซื้อของแท้ แต่ผ่านไปเป็นปีเท่าไหร่ๆเลขก็ไปไม่ถึง chapter ต่อไปซักทีจนเราก็เที่ยวโฆษณาให้เพื่อนไปทั่ว พอขึ้นปี 4 ได้เริ่มคิดว่า เริ่มลองแต่งเพลงบ้างดีมั้ย ถ้าเพลงเราทำให้คนหลายคนได้เล่นสนุกกันแบบใน Cytus นี่ก็คงจะดีนะ.. แล้วก็ถ้าทำเกมเอง มีเพลงดั่งใจไม่ต้องจ้างใครก็คงดีเพราะเราเองก็เป็นคนติดเพลงเกม เกมไหนเล่นจบก็ต้องหาฟัง OST ตลอดเลยขณะเก็บเลเวลใน MMO อื่นที่เล่นอยู่

Monday, April 25, 2016

เรื่องราวจากงาน M3

โพสต์นี้ไม่ค่อยมีภาพนะครับเพราะคนญี่ปุ่นเขาไม่นิยมถ่ายภาพรัวๆกันเหมือนไทย ละก็บูทคนมาเรื่อยๆไม่มีเวลาถ่ายครับ (ถึงห้องแล้วภาพจะตามมา)

วันนี้เรียกได้ว่าเป็นวันที่ยาวนานและให้อะไรหลายอย่างที่สุดในเกือบสองปีที่อยู่ญี่ปุ่นเลยก็เป็นได้...!

เริ่มจากประเทศนี้มันเจ๋งตรงที่มีงานอะไรแบบนี้เรื่อยๆ ซึ่งดูจากทวิตเตอร์คือมันกระตุ้นคนสร้างสรรค์ได้ดีสุดๆ M3 นี่มันเป็นงานแค่วันเดียวจาก 11 โมงเช้าถึงบ่าย 3 ด้วยนะ แล้วมันทำให้ทุกๆคนเตรียมอัลบั้มเตรียมอะไรมาขายได้ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้วเลยทีเดียว!

ครั้งนี้แตกต่างตรงที่... พอจะรู้ตัวว่าตุลานี้ถ้าจะจบไปแล้วโอกาสมางานแบบนี้คงจะยากขึ้นมากเพราะตัดสินใจบินมาญี่ปุ่นเพื่อมางาน 1 วันที่ยาวแค่ครึ่งวันก็คงคิดหนักสุดๆ (ที่จริงแบบอยู่นี่ก็ค่อนข้างจัดเวลายากละ) แล้วก็คอมิเก็ตทีไร M3 ทีไรก็เห็นเพื่อนๆเตรียมของขายกันสนุกสนานทุกที เลยอยากไปเห็นกับตาซักครั้งว่ามันจะเป็นยังไง

แล้วรอบนี้ มีเพื่อนหลายคนออกของสำคัญของตนเอง หลายๆคนเป็นคนไม่มีชื่อเสียงที่รู้จักมาจากงาน Mumeisen ซึ่งก็อดไม่ได้ที่จะเทียบว่างานนั่นมัน 1 ปีที่แล้วนี่นะซึ่งเป็นงานของคนไร้ชื่อที่ไม่รู้จักกันเลย ปีนึงเติบโตมาได้จนออกอัลบั้มขนาดนี้ และรู้จักกันหมดขนาดนี้ อยู่บูทเดียวกันขนาดนี้ได้ยังไง

ก็เลยตัดสินใจจะไปโตเกียว 1 วันไปกลับเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ซึ่งกังวลมาก!! เพราะเป็นครั้งแรกเลยที่จะโดนบังคับให้ใช้ภาษาญี่ปุ่นแบบไม่มี fallback เป็นอังกฤษเหมือนตอนอยู่แลป จะคุยรู้เรื่องมั้ย คนที่ในทวิตเตอร์ไลค์โพสต์ภาษาญี่ปุ่นแกรมม่าแปลกๆของเราตัวจริงจะเกลียดเรารึเปล่า ฯลฯ


Sunday, April 17, 2016

[Live Blog] MUSECA New Face!





ที่จริงเริ่มไปได้พอสมควรละแต่เพิ่งมาตัดสินใจเขียน Live Blog ตามธรรมเนียมตอนจะลุยโปรเจคแข่งกับเวลาแบบนี้

งานนี้มีความพิเศษอยู่สองอย่างคือเป็นงานแรกของ Konami ที่รับเฉพาะหน้าใหม่ แปลว่าโอกาสเข้าไปแล้วโดนเทพดังๆที่ติดแล้วติดอีกเขี่ยทิ้งก็น้อยลง อีกความพิเศษคือ สงสัยจะเป็นโอกาสเดียวในชีวิตนี้แล้วถ้าไม่คิดจะย้ายสำมโนครัวมาญี่ปุ่น เพราะว่าของ Konami ทุกอันมีข้อห้ามว่า ถ้าไม่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นจะส่งประกวดไม่ได้ กว่าจะมีงานต่อไปก็คงจะเรียนจบแล้ว (ถ้าได้เปเปอร์อะนะ)

ว่าแล้วก็มาลองลุยกันซักตั้ง เดดไลน์ต้นเดือนหน้า ตอนนี้หลังสงกรานต์แล้ว! อีก 20 กว่าวัน

[16-17 April] 

ครั้งนี้ตัดสินใจทำเพลงที่มีท่อน dubstep ครั้งแรกในชีวิต ว่ากันว่านักแต่งเพลงทุกคนต้องอยากทำ dubstep เข้าซักวัน ใช้โอกาสนี้เลยก็แล้วกัน 555

ธีมของ Museca ที่กำหนดมาคือ "Dramatic" เพลงนี้มีความเป็น Exargon กับ Maid Battle ผสมกัน ไม่รู้จะลงตัวมั้ย แต่เพลงออกบอสๆหน่อยตามสไตล์มิวสิคเกม ถ้าส่งไปแล้วไม่ผ่านก็คงจะเอามาลงมิวสิคเกมตัวเองได้ด้วย

Progress วันนี้ท่อน Dubstep เต็มช่องว่างเต็มเบาใจขึ้นหน่อยกับ chorus ใส่พวกคอร์ดข้างหลังซึ่งกินเวลามากในการวางโน้ตได้เยอะแล้ว จะใส่เครื่องดนตรีอื่นก็สามารถก๊อปโน้ตพวกนี้มาลบๆย้ายๆได้ไม่ต้องงมคีย์บอร์ดใหม่



วันนี้ไม่ได้ออกไปไหนเลย ตื่นเที่ยง (เพราะเมื่อคืนดันคิดท่อน dubstep ออกก่อนนอนเลยลุกมาต่อจนเช้า) แล้วตอนนี้ทุ่มนึงข้างนอกมืดแล้ว วันนี้ดูจากหน้าต่างอากาศดีมากแต่ไม่ทันได้ออกไปโลดเล่นก็มืดซะก่อน น้ำยังไม่ได้อาบเลยเนี่ย 555


Tuesday, April 5, 2016

กลับไทยอีกและ? (ไม่กลับแล้ว...)

วันนี้ไม่ได้นอน ตอนนี้ตี 5 ครึ่งแล้ว เพราะอยู่ๆก็คิดอยากกลับไทยช่วงสงกรานต์ (กลับแบบดาบหน้าแทบทุกรอบ)

มีเพื่อนคอมเมนต์ว่าเมิงกลับไทยอีกแล้วเหรอ...

คือพอมาอยู่นี่นี่คือ ครอบครัว เพื่อนที่ไทย ฯลฯ มันกลายเป็นของหายากไง ตอนอยู่ญี่ปุ่น ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนแฟนตาซี คืออยู่ญี่ปุ่นแบบคนญี่ปุ่น วนอยู่แค่ห้องนอน เซเว่น แลป ห้องนอน แล้วพอตอนวันหยุดปุ๊บก็เข้าเมืองไปเล่นเกมไปหาร้านอาหารกิน แล้วก็กลับมา วนเหมือนเดิม... เหมือนตอนอยู่ไทย ทั้งที่มีทะเลสวยๆที่คนต่างประเทศหมายปองกันเยอะก็ไม่ได้ไปรัวๆนั่นแหละ ความรู้สึกเดียวกันเลย

ตะกี้เพิ่งคุยกับเพื่อนสมัยมัธยม ตอนนี้มันเรียนอยู่ฟิลิปปินส์ (หรืออินโดวะ) มีคำนึงที่เห็นด้วยมาก คิดเหมือนกันเลย คือมันพูดว่าตอนกลับไทยแทบไม่อยากนอนเลย อยากใช้เวลาให้คุ้มค่า คือมันจริงมาก เป็นบทเรียนนึงที่สำคัญเลยเวลาได้มาอยู่ต่างประเทศ แต่ก็คงขึ้นกับคนด้วยแหละเพื่อนหลายๆคนไปเรียนต่างประเทศแล้วก็เที่ยวรัวๆไม่ค่อยสนใจจะกลับไทยเท่าไหร่


Wednesday, March 23, 2016

How many futures do I have?

มาพิมพ์นี่เพราะมีเรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้ คิดคาไปคามาในใจตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วล่ะ แต่เหมือนว่าตอนนี้ต้องตัดสินใจแล้ว จริงๆเมื่อวานนี้ก็คิดแบบนี้แต่ไม่ได้คิดว่าตอนนี้ แต่เป็น "ช่วงนี้" มาถึงวันนี้ เหมือนมันจะต้องเป็น "ตอนนี้" แล้วล่ะ...

ที่ผ่านมาก็เคยคิดไว้หลายอย่างอยู่เหมือนกัน ว่าเรียนจบโทแล้วจะไปไงต่อ คิดมาเป็นปีละ แต่คราวนี้เหมือนต้องคิดจริงๆแล้วเพราะมันดันเป็นช่วง Job Hunting ถ้าไม่ตัดสินใจเลยจะทำให้ทางเลือกค่อยๆหายไป..

ว่าแล้วก็มาลองสรุปก่อนว่ามีทางไหนให้เลือกบ้าง

Sunday, February 28, 2016

วันเกิดปีนี้.. มีความสุข

ปีนี้ ตกใจกับวันเกิดนิดหน่อย :D

ตอนแรกคิดว่าคงจะน่าเบื่อ นั่งอ่านเปเปอร์ไปวันๆเหมือนเดิมไม่มีอะไร แล้วญาติๆเพื่อนๆก็คงมาทางโซเชียล จบวัน ไม่ต่างจาก "วันพิเศษ" ที่พิเศษอยู่คนเดียวที่นี่ เช่นปีใหม่ก็ไม่มีอะไรเงียบๆ คริสต์มาสก็ไม่มีอะไร เดินห้างเล่นกลับ.. (ปีที่แล้วช่วงนี้กลับไทยไปหาพ่อแม่ แต่ก็ไม่มีอะไรมาก กินข้าวกัน แล้วก็ไม่ค่อยมีเวลากันอยู่ดีก็เฉยๆเรื่อยๆ)

เมื่อคืนนอนฟุบหลับไปคาเปเปอร์ เพิ่งกลับมาจากพาพี่ทัวร์มหาลัย พี่มาเที่ยวญี่ปุ่น แล้วต้องเปลี่ยนเรื่องเปเปอร์อีกแล้วเลยหาเรื่องไปเถียง อ อยู่ (เมื่อคืนก่อนก็เพิ่งดราม่ากับแม่มา) แต่เหนื่อยเลยหลับไปซะงั้น

การผจญภัยมันเริ่มจากตรงนี้ เพราะหลับเร็ว ก็เลยตื่นซะ 6 โมงเช้าเลย ตื่นมากะจะลุยเปเปอร์ต่อนั่นแหละ แต่นึกได้ว่าไม่ได้ตื่นเช้ามานานแล้ว ความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกมานานก็คือท้องร้อง! ได้เวลาเบรคฟัสต์! ไม่ได้ใช้คำนี้มานานแค่ไหนแล้วน้าา

ภาพอาหาร

แค่ตอนเช้าก็ได้ยิ้ม ทั้งตื่นเช้าด้วย แล้วก็มีเพื่อนทักมาตอนเช้าด้วย.. ไม่ได้คุยแชทขำๆมานานแค่ไหนแล้วนะ! เหมือนเป็นเช้าใหม่ที่ใหม่จริงๆ..

หลังจากตอนเช้าที่ค่อนข้างเพอเฟคผ่านไป ก่อนอ่านเปเปอร์ก็เช็คข่าวสารข่าวเกมพอหอมปากหอมคอ แต่ดันไปเจอข่าว Pokemon 2DS รุ่นลิมิเต็ด ที่เคยดูไว้นานแล้วแหละ แต่เพิ่งมารู้ว่ามันถึงเวลาวางขายเมื่อวานนี้! ก็เลยลองเซิจหารีวิวของคนที่ซื้อมาเมื่อวานนี้.. ก็เกิดกิเลสสิครับ! ประกอบกับมาออกตอนวันเกิดพอดี มันเป็นโชคชะตาหรือยังไงกันนะ! ซื้อของขวัญให้ตัวเองดีกว่า!! ว่าแล้วก็เช็คตารางรถไปห้างใกล้ๆ อาบน้ำแล้วออกไปที่ป้าย

แสงแดด... ลมสดชื่นมาก ที่ผ่านมา ถ้าออกมาตอนเช้า แปลว่ามีนัดคุยกับ อ. จนต้องตื่นเช้าแล้วคืนที่ผ่านมาต้องแทบไม่ได้นอนเพราะเตรียมเรื่องคุยกับ อ. ทั้งคืน หรือถ้าแต่ก่อนก็แปลว่ามีคาบเช้า.. แต่นี่ไม่... นี่มันเช้าจริงๆ เช้าของวันอาทิตย์ ที่เดินออกมาข้างนอก ที่นอนหลับมาแล้วเมื่อคืนเต็มอิ่ม ที่กำลังจะไปซื้อเครื่องเกมให้ตัวเองอีกต่างหาก!! ไม่เคยมีเช้าที่เพอร์เฟคขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้ว

แถมที่ป้ายรถเมล์ก็เจอเพื่อนแลปอื่นอีกสองคนกำลังจะไปซื้ออะไรที่โอซาก้า ก็ได้คุยสนุกบนรถ

ตอนอยู่บนรถ ที่มีแดดส่องมาอาบนี่มันฟินมาก คือไม่เคยขึ้นรถออกไปไหนตอนเช้าไง ปกติเช้าก็เข้าแลป ออกมาก็โรงอาหาร แล้วก็ค่ำ..

มาถึงห้าง AEON ก็แยกย้ายกันไป แล้วก็ตรงดิ่งเข้าไปแผนกของเล่น พบว่า สีเหลืองที่เล็งไว้มันหมดแล้ว!! ออกเมื่อวานเนี่ยนะ

(สีฟ้า ขายที่โปเกม่อนเซนเตอร์เท่านั้นครับ ตอนนี้ราคาพุ่งละ)

เอาไง... ไปสั่งจาก Amazon ดีมั้ย ไม่! เหมือนกลิ่นอายของการผจญภัยมันเริ่มขึ้น เพื่อเป็นโปเกม่อนมาสเตอร์! เราจะนั่งบัสไปเสี่ยงดวงที่ AEON อีกสาขาหนึ่ง มีเวลาก่อนบัสมา ได้อิ่มเอมกับราเมงเป็นข้าวเช้าของจริงซ้ำอีกรอบ ไม่เคยได้กินราเมงก่อนเที่ยงเลยนะ

และพอบัสมาพาถึงสถานี Takanohara ก็พบกับชัยชนะ เมื่อทั้งเหลือง เขียว แดง เหลือครบเลย! สาขาห่างไกลชุมชนเลยง่ายสินะ

ซื้อมาแล้วถ่ายรูปพอหอมปากหอมคอก็นั่งบัสกลับมาแลปตอนบ่ายอ่อนๆ มาลุยอ่านเปเปอร์ต่อพร้อมแสตนบายช่วยทีมเกมตัวนากท้าดวลด้วย ก็ได้ช่วยจริงได้ลองเอารูปวาดมาลงเกมดูเป็นตัวอย่าง ตอนนี้ก็เริ่มไม่มีอะไร คิดว่าแค่นี้ก็ดีเกินคาดละ จากวันที่เหมือนจะธรรมดา ได้มีเรื่องตื่นเต้นขึ้นมา เหมือนได้ทำเควสสนุกๆ

มาถึงเรื่องปวดหัวคือพี่จะไปหมูบ้านสามเหลี่ยมน่ารัก shirakawa-go ที่อยากไปมานาน ตอนนี้หิมะตกด้วยก็เลยอยากไปด้วย แต่ก็วุ่นวายเรื่องหาเส้นทาง หาที่พัก หาทางถูกๆ จะอ่านเปเปอร์ทันมั้ย แล้วยังต้องสลับไปช่วยตัวนาก แล้วเรื่องเพลงล่ะ แล้วเรื่องจะคุยกับ อ. ล่ะ.... บรรยากาศเดิมของทุกๆวันค่อยๆกลับมา ใจนึงก็กลัวมาญี่ปุ่นไม่ได้เที่ยวหนาวเลย ครั้งนี้มีพี่น่าจะสนุกกว่าไปคนเดียวทีหลัง ไปทีหลังหิมะจะหายรึเปล่า ถ้าผ่านหนาวนี้ไปจะได้มาประเทศนี้อีกมั้ย ฯลฯ

ไม่ทันไรเวลาก็ล่วงเลยมา 3 ทุ่มโดยที่ยังไม่ได้ข้อตกลงเลย ไปพรุ่งนี้ก็ติดบัสสายนึงไม่ได้จอง ไปตอนนั้นก็โรงแรมเต็ม ไปตอนโน้นก็ฝนตก การ plan เส้นทางนี่ ใช้เวลาหลาย ชม. จริงๆนะ จนมีแผนนึงด้วยซ้ำว่าออกไปเกียวโตตอนนี้!!! ถึงเที่ยงคืนแล้วเป็นซากรอรถตอนเช้า แบบนั้นน่าจะทัน แต่ก็ทรหด เอาไงๆ อาบน้ำรอดีมั้ย เปเปอร์ขนไปกี่อันดี โน้ตบุคก็ต้องชาร์จ ของขวัญที่แม่ฝากมาให้ที่ว่าจะแกะหลังอ่านเปเปอร์จบไปๆมาๆเปเปอร์อ่านได้ 3/20 หน้าไม่ได้แกะ...

แล้วแม่ก็วิดิโอคอลมาคุยด้วยวันเกิด ทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เวลาออกไปเกียวโตก็ไม่ทันละก็ปล่อยไป เหมือนว่าเอาเวลาตรงนี้ดีกว่า แม่ดูมีความสุขดีที่นานๆได้คุยกับเรา ทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดคุ้มกว่าเยอะเลย... คุยปล่อยเวลาผ่านไปช้าๆบ้าง แล้วก็ตัดสินใจแกะของขวัญแม่งเลยละกัน ได้ปากกา rollerball lamy จากแม่โคตรสวย แล้วระหว่างคุยก็เหมือนคิดได้ว่าเออ ช่างแมร่งละกันเรื่องรีบไปเที่ยว วันเกิดทั้งทีอยากนิ่งๆ สบายๆ เข้าทางสาย introvert แบบเราเน้นๆหน่อยก็ดีนะ

สุดท้ายก็ขว้างแผนเดินทางพรุ่งนี้ทิ้งให้หมด หมู่บ้านช่างแมร่ง

คิดปุ้บ เหมือนความสงบสุขเมื่อตอนเช้ากลับมา ก็เลยคิดได้ว่าไหนๆก็เพอร์เฟคมาเยอะแล้วเอาให้หมดวันไปเลยสิ!

ต้มไวไวควิกต้มยำกุ้งที่พี่ขนมาฝาก เปิดเฟซบุคตอบแฮปปี้เบิร์ดเดย์ นั่งเล่นไปช้าๆ ไม่คิดถึงเรื่องอะไรเลย เปเปอร์ก็ไว้คิดหลังหมดวันเกิดละกัน ขอซักวัน... เรื่องเฟซบุคนี้นะ ใครว่าระบบวันเกิดมันเฟค ถ้ามาเป็นคนแบบเราดูสิ แบบไม่เคยกล้าทักใครก่อนอะ แล้วในวันนี้ได้พิมพ์อะไรบ้าง เราว่ามันก็ไม่ใช่ของปลอมนะ เวลาพิมพ์ตอบ มันก็ยิ้มจริง บางคนอาจจะไม่ แต่สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้โซเชียลไม่ได้แชทอะไรมากมันก็ทำให้ยิ้มได้.. บางคนที่ถึงอยากจะทักแค่ไหนก็ไม่รู้จะทักอะไรก็เลยไม่ได้ทัก มันก็มีโอกาสแบบนี้ ดูน่าหดหู่แฮะ แต่ก็เวิคไปแล้วอะ 555

ไม่มีอะไรจะสงบสุขไปกว่านี้แล้ว ตอนนี้ 11:54 PM ใกล้จะหมดวันเกิดละ จะได้ลองลุยเปเปอร์ต่อ ที่พักที่รีบร้อนจองไปก็แคนเซิลแล้ว ค่าพักช่างมัน... เหมือนในใจลึกๆจริงๆที่ดิ้นรนจะไปเที่ยวมันระบายความจริงออกมาว่า ขอนิ่งๆดีกว่าาาา เสียดายจริง แต่ขอแบบนี้ดีกว่า! นี่ถ้าเราเป็นคนแบบนี้ต่อไปจะได้ไปเที่ยวไหนมั้ยเนี่ย 5555 แปลกๆ อยากเที่ยวมากเพราะแทบไม่ได้ไปไหน แต่สุดท้ายก็อยากนิ่งเหมือนกัน

อยากเอารูปมาแปะเหมือนกันแต่ก็อยากกดโพสต์ก่อนหมดวันเกิด (เวลาญี่ปุ่น) เพราะงั้นค่อยเอารูปมาแปะทีหลัง

สรุปแล้วคือเป็นวันที่มีความสุข! :D