Wednesday, March 23, 2016

How many futures do I have?

มาพิมพ์นี่เพราะมีเรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้ คิดคาไปคามาในใจตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วล่ะ แต่เหมือนว่าตอนนี้ต้องตัดสินใจแล้ว จริงๆเมื่อวานนี้ก็คิดแบบนี้แต่ไม่ได้คิดว่าตอนนี้ แต่เป็น "ช่วงนี้" มาถึงวันนี้ เหมือนมันจะต้องเป็น "ตอนนี้" แล้วล่ะ...

ที่ผ่านมาก็เคยคิดไว้หลายอย่างอยู่เหมือนกัน ว่าเรียนจบโทแล้วจะไปไงต่อ คิดมาเป็นปีละ แต่คราวนี้เหมือนต้องคิดจริงๆแล้วเพราะมันดันเป็นช่วง Job Hunting ถ้าไม่ตัดสินใจเลยจะทำให้ทางเลือกค่อยๆหายไป..

ว่าแล้วก็มาลองสรุปก่อนว่ามีทางไหนให้เลือกบ้าง


ทางเลือกที่จะอยู่ญี่ปุ่น.. เหตุผลหลักๆก็คือยังได้ภาษาไม่เพียงพอเลย แล้วก็อยากลองทำงานที่นี่ด้วยมั้ง หรือถ้าไม่ทำงานก็คงเรียนต่อ แล้วก็ยังอยากเจอเพื่อนแต่งเพลงคนอื่นๆเพิ่มอีก อยากส่งเพลงประกวดหลายๆงานต่อไปอีกเพราะถ้าออกนอกประเทศแล้วก็จะเสียสิทธิ์ แล้วก็ไปงานโดจินชิขายเพลงอะไรต่างๆง่าย... ละก็ทำงานที่นี่ได้เงินดีมากด้วย ส่งกลับไทยนี่เป็นเสี่ยสบายๆเลยแหละ

1. ต่อเอกที่นี่ จะได้อยู่ต่อเพิ่มอีก 3 ปี ไม่ได้แล้วเพราะปฏิเสธต่อทุนรัฐบาลไปตอนปีที่แล้ว ถ้าตัดสินใจจะต่อตอนนี้ต้องเสียค่าเรียนเอง
2. ต่อเอกที่ ม อื่นที่ไม่ใช่เมืองนี้แต่เป็นประเทศญี่ปุ่น อันนี้ต้องสอบทุนรัฐบาลใหม่เอง เพราะให้เรียนจ่ายตังก็คงไม่ได้ อันนี้ก็ได้อีก 3 ปีเหมือนกัน
3. ทำงานต่อที่นี่ แต่ใจจริง อยากทำงานไม่นานซัก 1-2 ปี ถ้าพูดแบบนั้นก็คงหา บ เข้ายากเหมือนกัน อยากลองเป็นพนักงานเงินเดือนที่นี่ดูเหมือนกัน แล้วก็ได้เงินดีมากด้วย ทีนี้เสาร์อาทิตย์ก็จะได้ทำอะไรที่อยากทำ
4. หางาน Part time ทำที่นี่จะได้มีเวลาทำเกมเยอะๆ คือเอาแบบเงินไม่พอใช้ แต่อย่างน้อยก็เงินลดลงช้าๆหน่อยต่อเดือนจนกว่าเงินที่ดองไว้จะหมดค่อยกลับไทย แต่ภาษาญี่ปุ่นต้องไม่พอแน่เลย แล้วเพื่อนบอกว่าตำแหน่งงานหายากมากเพราะมีหลายคนที่ทำแต่งานพาร์ทไทม์แบบนี้ในญี่ปุ่น

เรื่อง ป เอกค่อนข้างตัดออกไปแล้ว เพราะส่วนตัวมาเรียนโทเพราะอยากรู้ว่าชีวิตวิจัยเป็นอย่างไร ก็ดูเจ๋งดีนะหาความรู้ใหม่แล้วไล่คว้างานคอน แล้วได้ไปเที่ยวที่ต่างๆ แต่ผลมันก็ออกมาแล้วว่าเราแมร่งไม่ใช่เลย เพื่อนๆได้ไปกันกี่คอน กี่ประเทศ แล้วเรานี่เสียเวลามา 1.5 ปีแล้วยังไม่ได้แม้แต่หัวข้อเปเปอร์? แม่ก็สงสัยว่าทำไม ทำไมมันไม่ได้ไป "ตามราง" เรื่อยๆเหมือนที่ผ่านมา มันไม่เหมือนกันแล้วน่ะสิ มันมีล้มเหลว มันมีตัน การหาความรู้ใหม่ ทำไม่ได้ก็คือไม่ได้ แล้วต้องเลือกว่าจะลองชนกับมันต่อไปหรือลองเบี่ยงไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เบี่ยงมา 4 ครั้งแล้วแหละ หวังว่าครั้งนี้จะทำเปเปอร์ออกมาได้

แต่... อีกทางเลือกก็คือกลับไทย ซึ่งเหมือนจะเป็น default แต่ที่คิดมานานแล้วคือ อยากกลับไปทำเกม แบบ ทำเกมจริงๆอะ อันนี้ไม่เคยคิดจะกล้าทำมาก่อนเลยในชีวิต ตอนเรียนตรีก็ทำหลังเลิกเรียน หลังตรีก็เข้าทำงานประจำแล้วมาทำหลังเลิกงาน พอมีโอกาสชีวิตมาโทได้ก็เจียดเวลาทำหลังแลป... ถ้าเราตัดสินใจทำงานญี่ปุ่นต่อ หรือกลับไทยไปเป็นพนักงานประจำต่อ จะนั่งเสียดายและสงสัยอีกมั้ยนะว่า เกมเราถ้าออกไปทำเต็มๆมันจะได้ขนาดไหน มันจะขายได้จริงมั้ยมันจะทำให้มีชีวิตอยู่ได้จริงมั้ย... แต่มันก็น่ากลัวตรงที่เงินลดเรื่อยๆนั่นแหละ แบบไม่มีหลักประกันชีวิตเลยเป็นครั้งแรกในชีวิต

อีกใจก็คิดว่าถ้าไม่ได้ลองทำแบบนั้นซักครั้งในชีวิตก็คง เสียดายแย่เลย

อีกไอเดียก็ตามมาว่าทีหลังได้มั้ย หลายๆคนก็แนะนำว่าไหนๆก็อยู่ญี่ปุ่นแล้ว "หาประสบการณ์" ซักหน่อยไม่ดีกว่าหรือ จริงๆมาเรียนโทนี่ส่วนตัวก็คิดว่าเป็นการหาประสบการณ์แล้ว ก็เลยไม่ค่อยอยากจะเชื่อคำแนะนำจากบางคนเท่าไหร่เลยว่าเรา "ยังไม่ได้หาประสบการณ์และยังไม่พร้อม" ถ้าทำงานทีนี่ แล้วเมื่อไหร่ถึงจะกลับไปลองทำเกมล่ะ สุดท้ายในเมื่อลำดับมันยังไงก็ได้ มันก็มาจบที่เรื่องของอายุ.. 25-30 เราอยากลองทำอะไรกันแน่ เป็นดอกเตอร์ที่เชี่ยวชาญวิชาการ เป็นพนักงานดีเด่น หรืออยากลองทรหดทำเกม หรือ...

ทีนี้ ไอเดียที่วางไว้ตอนกลับไทยมีอะไรบ้างเท่าที่คิดมา

1. กลับไปสมัครงานประจำ และทำเกมตอนเย็น เหมือนปีนึงเต็มๆที่ทำหลังเรียนจบตรี อันนี้เรามีเงินเพิ่มได้ทุกเดือน มีตำแหน่งงานที่ก้าวหน้าไว้รองรับอนาคต
2. กลับไปทำเกมล้วนๆ โดยอยู่หอที่แม่กับพี่ช่วยจ่ายกับเอาเงินรัฐบาลที่ดองๆไว้นี่ซื้อกับข้าว ตอนนี้ มี 500,000 เยนแล้ว คาดกว่าก่อนเรียนจบอาจจะสะสมถึงล้านเยนได้ คูณแล้ว น่าจะทำให้อยู่ได้ปีครึ่งถึงสองปีเลยถ้าเพลาๆมิวสิคเกมตู้หน่อย... แต่ก็ต้องสละการเที่ยวหลายอย่างที่นี่ แต่ก็นะ ที่ผ่านมาแทบไม่มีตารางให้กระดิกตัวไปเที่ยวไหนเลย

ตั๋วเซชุนที่ซื้อมา (นั่งรถไฟบุฟเฟ่ต์ได้ 5 วันสำหรับเที่ยวโดยเฉพาะ) ที่ซื้อมาตอนกุมภาเพราะอยากจะให้รางวัลตัวเองไปเที่ยวบ้างไหนๆก็มาญี่ปุ่นจะเรียนจบแล้ว ตอนนี้จะหมดมีนา จะหมดช่วงใช้แล้วยังไม่ได้ใช้เลย สงสัยจะต้องเอาไปขายคืน.. คือมันเศร้าเหมือนกันนะ เปิดกระเป๋ามาแต่ละทีก็เห็นตั๋วนี้อยู่ เหมือนมันกำลังพูดให้ฟังเลยว่า สัปดาห์นี้ก็ไม่ว่างเหรอ สัปดาห์หน้าก็ต้องอัพเดทเกมเหรอ แล้วสัปดาห์ต่อไปก็ต้องเร่งแลปอีกแล้วเหรอ จริงๆซื้อกล้องอินสแตนท์มาไว้เตรียมท่องเที่ยวแล้วด้วยนะ แต่เหมือนจะได้แต่อยู่ในห้องแลปต่อไป เห็นมันแล้วก็เศร้าเหมือนกัน

กับทำเกมล้วนๆอันตรายอีกอย่างตรงมันจะซึม และเน่าได้ เคยลองมาพอสมควรแล้วรู้สึกว่าถ้ามีอะไรให้ทำไปพร้อมกันได้ก็คงดี แต่งานประจำส่วนใหญ่มันเกินพร้อมกันไปหน่อย กลายเป็นเสียเวลาทำเกม (ไปกับการเดินทาง หรือนั่งรองานเรื่อยเปื่อยอยู่ บ ทำอะไรไปด้วยก็ไม่ได้)

ส่วนการตั้งทีมทำเกมยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเขา ขนาดแค่ 20000 บาทต่อเดือน แค่ลองคูณซักครึ่งปี ก็มากกว่าทั้งชีวิตที่เคยเก็บออมมาได้แล้ว มันจะเป็นไปได้ไงเนี่ย ก็เลยฝึกๆทำอะไรให้ได้มากๆ ไว้มีทุนเมื่อไหร่จะได้มีทีมทำเกมสนุกๆ แล้วมีค่าตอบแทนที่สมที่ทำงานให้เราได้ เหมือน บ ที่จ้างลูกจ้างได้ บ อื่นๆ

3. กลับไปทำเกม พร้อมรับจ๊อบอะไรซักอย่างที่ทำผ่านเน็ตได้
4. กลับไปเปิดร้านกาแฟ อันนี้คิดมานานแล้วเหมือนกันด้วยแนวคิดที่ว่าอาชีพอะไรเอ่ยที่สามารถทำเกมไปด้วยกันและให้ที่อยู่ไปพร้อมๆกันได้ คือถ้าเป็นร้านกาแฟที่ไม่แผงลอย ตอนลูกค้าไม่เข้าเราก็ไม่ต้อง eye contact ก็ได้ไง ดีไม่ดีเปิดจอโชว์เลยก็ได้ว่ากำลัง dev เกมอยู่
5. กลับไปเป็นคนเฝ้าคอนโด แผนกนิติบุคคลประสานงาน อันนี้ไอเดียเดียวกับข้อที่แล้ว เห็นทุกวันว่าถ้าไม่ได้ประสานงานอะไรก็นั่งเล่นเฟซบุค ถ้าเราเอามาทำงานเกมได้ก็คงดี ได้เงินทุกเดือนพออยู่ได้
6. อันนี้ไอเดียมาจากอาจารย์อุทัย สมัยมัธยมปลาย ก็คือเปิดสอนพิเศษ คือตัวเองเป็นคนชอบสอน แต่ไม่อยากเรียนเอกจนได้ปริญญาจนสอนในมหาลัยดีๆได้ ก็เลยอาจจะสอนพิเศษอย่างคณิตไรงี้วิชาที่ชอบ ไปเช่าห้องแถว แล้วทีนี้หลังเด็กกลับหมดแล้วก็จะได้ใช้เป็นที่นอนกับที่ dev เกมได้ ดีไม่ดีสอนเรื่องทำเกมก็น่าจะได้
7. กลับไปเป็นอาจารย์ประจำที่โรงเรียนมัธยมที่ไหนซักแห่ง แล้วค่อยทำเกมตอนเย็น กับตอนปิดเทอม อันนี้ดีที่มีปิดเทอม กับจะได้เจอผู้คนบ้าง
8. ไอเดียนี้เพิ่งเริ่มได้มาเมื่อเดือนที่แล้ว คือกลับไปขายอาหารเช้า พอหมดช่วงขายแล้วก็กลับมาลุยเกมจนค่ำแล้วก็เตรียมของไว้ขายวันต่อไป ที่อยากขาย อยากขายข้าวเหนียวกับของทอดเช่นไก่ทอดหรือหมูทอดที่ชุบงากับชุมผงกรอบอร่อยๆ ตอนขายก็จะตั้งใจขายไม่ทำเกมไปด้วย ตั้งใจทำ eye contact ตั้งใจทำรสให้ดีขึ้น กับทำแบรนด์ให้ดีขึ้น พอกลับมาถึงห้องซักเที่ยงๆค่อยเริ่มลุยเกม พร้อมกับปรับสูตรหมักหมูไว้ลองวันต่อไปกับหมักทิ้งไว้

ตอนนี้ ไอเดียสุดท้ายนี้กำลังคิดถึงมันอยู่มากที่สุด เพราะมันตอบโจทย์ให้เราได้เจอผู้คนได้ทุกวันๆ แล้วก็มันเป็นอาชีพหายากอาชีพนึงเลยที่ทำทุกวันแต่ดันเสียเวลาแค่ช่วงเช้าได้ ก็เลยคิดว่าน่าจะบาลานซ์ดี แล้วก็ส่วนตัว เป็นคนที่ชอบสร้าง อยากสร้างอะไรที่เป็นของตัวเอง ถ้าทำงานผ่านเน็ตรับจ๊อบ ถึงจะได้เงินมากกว่าก็จริงแต่ก็เหมือนทำให้คนอื่น ถ้าเราเปิดซุ้มขายตอนเช้า มันเหมือนรู้สึกว่าเรากำลังสร้างชื่อของเราขึ้นมาอีกอันเลย มีทั้งเกม ทั้งอาหารที่น่าจะช่วยเบาแรงค่าใช้จ่ายต่อเดือนไปได้บ้าง ประกอบกับก็อยากลองเหมือนกันนะ "การขายของ" เนี่ย อยากลองก่อนที่จะแก่เหมือนกัน ตอนสมัยเล่น RO ก็รู้สึกว่าการตั้งร้าน หรือตั้งห้องขายฮีลขายวาร์ป มันก็เป็นอะไรที่เพลิน เสียเวลาเป็นชั่วโมงๆได้เลย

ตามตลาด เห็นแม่ค้าพ่อค้าหลายคนดูมีอายุก็จริง วัยรุ่น ไปอยู่ในห้างในร้านกาแฟห้องแอร์ แต่ส่วนตัว เราอยากปฎิสัมพันธ์กับคนมากหน้าหลายตา อยากตื่นเช้าด้วย.. ก็รู้สึกว่า น่าจะเข้าท่าที่สุดในทุกไอเดีย

แน่นอนว่าข้อหลังๆทุกข้อคือไม่ได้อยู่ญี่ปุ่น ถ้าอยากจะมางานนั้นนี้ ก็คงต้องเสียค่าบินบานเลย แต่ก็เป็นราคาที่แลกกับการกลับไทยมาพยายามทำเกมให้เป็นจริงให้ได้ก่อนจะอายุขึ้นเลข 3x ล่ะนะ คิดดูสิว่าถ้าเรา "เป็นเจ้าของ" อะไรซักอย่างก่อน 3x ได้มันน่าจะสนุกดีนะ ถึงล้มเหลวก็ค่อยไปเป็นลูกจ้างเขาทีหลัง ก็คงไม่เป็นอะไรมั้ง

ยังไม่รวมที่อาจจะโดนแม่บอกว่าจบตั้งโทจากญี่ปุ่นมาทำอะไรแบบนี้ คือถ้าไม่คิดตั้งใจจะใช้ปริญญาให้ได้ ส่วนตัวคิดว่าโลกมันเปิดกว้างมากเลย

ก็เลยค่อนข้างตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกข้อ 8 ที่ว่า.. ซึ่งหมายความว่าปัจจุบันนี้ ก็คงจะตัดใจเลิกทำ Job Hunting แล้วมาตั้งใจทำแลปให้เสร็จเต็มๆกับทำเกมให้ได้มากที่สุดเผื่อทันงาน Tokyo Game Show ปีนี้โดยไม่ต้องพะวงหางาน...

ตัดสินใจเลยดีมั้ย... ตัดสินใจล่ะนะ...!!

1 comment:

  1. มาแอบอ่าน ทำไมท่านซาก้อนไม่ลองเข้าบริษัททำเกมไปเลยอะ ได้ทำเกมแน่ๆแถมได้ตังค์ด้วย 555

    ReplyDelete