Sunday, December 14, 2014

สิ่งที่พบจากระยะทาง

การเดินทางกับเพื่อนๆยังเป็นเรื่องสนุกสนานเสมอ แต่ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ

แตกต่างจากครั้งก่อนๆแค่ระยะทาง เพื่อนมาจากไทย ส่วนเราอยู่ญี่ปุ่น แต่มันทำให้ได้พบอะไรที่ต่างไปจากเดิมมากกว่าที่คิด

เมื่อครั้งที่อยู่ไทยก็ไม่ค่อยได้เจอกันหรอก แต่มันรู้สึกว่ายังอยู่ด้วยกัน จะเจอกันเมื่อไหร่ก็ได้ ถึงจะไม่ได้เจอก็เหอะนะ

แต่พอมีระยะทางมากั้น รู้สึกว่าการพบกันครั้งนี้มันพิเศษ ตอนอยู่ไทยก็คุยผ่านเน็ตได้เหมือนกับที่นี่ แต่คราวนี้ด้วยระยะทางที่มาบัง ให้ความรู้สึกว่ายังไงก็ไม่มีทางเจอกันจริงๆได้ พอมีโอกาสแบบนี้ขึ้นมา มันสำคัญ มันทำให้อยากใช้เวลาทุกวินาทีให้คุ้มที่สุด

ตอนอยู่ไทยเวลาไม่ได้เจอกันนานแล้วเจอกันก็ดีใจนะ แต่พอมาเป็นที่นี่ มันรู้สึกสำคัญกว่าเดิม มีความไม่แน่นอน ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ จะเป็นตอนไหนอีก จะมีอีกรึเปล่า

การเที่ยวครั้งนี้เลยรู้สึกเปลี่ยนไปมาก รู้สึกอยากช่วย อยากพาไปนั่นโน่นนี่ อยากคุย อยากทำทุกอย่างด้วยกัน ไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่ยังไงก็ได้ เดินตาม ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย ครั้งนี้รู้สึกว่าต้องทำ ต้องเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ทำมันกำลังจะหลุดลอยไป

สิ่งสำคัญหลายๆอย่างนึกขึ้นได้ในการเดินทางครั้งนี้ เหมือนที่เขาว่ากันว่าถ้าทุกอย่างเป็นของตายก็ไม่เห็นความสำคัญซักที ครั้งนี้เหมือนระหว่างเที่ยวแต่ละวัน ได้นึกออกว่ามีอะไรสำคัญในอดีตที่เราเคยผ่านมาบ้าง เคยลืมอะไรไปบ้าง เรียกได้ว่าฉากเก่าๆที่ไม่เคยคิดจะนึก กลับกลายเป็นจำได้ เพราะมันอาจจะไม่มีครั้งต่อไปอีก รู้สึกดีที่จำอะไรซักอย่างได้ ถ้าไม่ได้เที่ยวครั้งนี้อาจจะหายไปเลย

ส่วนตัวให้ความสำคัญกับการพูดซึ่งๆหน้ามานานแล้ว แต่ครั้งนี้มันทำให้รู้ซึ้งจริงๆว่าการพูด มันสำคัญขนาดไหน เวลาผ่านมาเนิ่นนานกับการอ่าน การพิมพ์ติดต่อกัน ขณะเดียวกันโดยที่ไม่รู้ตัว มันเหมือนว่าค่อยๆมีปมล่องหนอะไรซักอย่างขดใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

แล้วพอวันแรก วินาทีแรกที่เจอกัน ได้คุยกัน แค่ประโยคแรกก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันเบา มันโล่งมาก เหมือนปมล่องหนที่สะสมมานานมันคลายออกกลายเป็นความตื่นเต้นที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันเป็นความรู้สึกใหม่จริงๆนะ แล้วก็ทำให้ได้คิดในวันนี้ด้วยว่าที่ผ่านมามันมีปมที่ว่าอยู่

วันเวลาที่ไทยเหมือนว่ามันจะดำเนินต่อไปตลอดกาลไม่มีวันจบสิ้น แต่วันเวลาที่นี่มันจะหมด มันจะจบลง

วันสุดท้ายของการท่องเที่ยว ปกติแล้วก็จะเป็นวันเหน็ดเหนื่อย วันที่น่าเบื่อนิดๆที่ต้องเดินทางกลับทางเดิม กลับไปหางานที่สุมรออยู่

ครั้งนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต่างจากเดิม ต่างมากอย่างไม่น่าเชื่อ งานมีรอเหมือนเดิม เดินทางกลับ ก็มีเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ไม่ได้กลับด้วยกัน ไม่ได้กลับสู่ชีวิตประจำวันด้วยกัน

เพื่อนๆกำลังจะ "หายไป" ไม่มีอีกแล้วเสียงคุยกันตลอดทาง การคุยกันซึ่งๆหน้ากำลังจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป จะไม่ได้เห็นหน้าแบบ หน้าจริงๆ มองตากันจริงๆอีกแล้ว เวลากำลังจะหมดเหมือนการเที่ยวครั้งอื่นๆ แต่ครั้งนี้ไม่ได้หมดอย่างเดียว แต่เหมือนกำลังจะเสียหลายๆอย่างไปด้วย โอกาสหลายอย่างกำลังจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นไม่มีโอกาสพร้อมๆกัน ยิ่งทำให้ทุกนาทีมีค่าขึ้น

ระหว่างเที่ยวครั้งนี้ไม่ได้เดินไปตามจุดหมาย หามุมถ่ายรูปไปเรื่อยๆเหมือนเคยแล้ว แต่รู้สึกว่าเราได้มองเพื่อน ได้รู้ว่าเวลาเป็นสิ่งที่มองได้ ที่มองคือมองช่วงเวลาร่วมกัน มองทุกสิ่งที่กำลังจะหายไป ทำให้ยิ่งอยากคุยกับเพื่อนให้มากที่สุด จากแค่เพื่อนร่วมเดินทางที่จะไปสถานที่ต่างๆด้วยกัน ครั้งนี้กลายเป็นสิ่งที่ต้องแคร์ อยากดูแลให้ดีที่สุด เวลามองหน้าได้มองหน้าจริงๆไม่ใช่แค่มองผ่านๆว่าเป็นใคร อยากจะจำ อยากจะเก็บภาพหน้าตาของเพื่อนไว้ให้คุ้มค่า

ช่วงเวลาสุดท้ายจริงก็มาถึงจนได้ สมัยเที่ยวที่ไทยขากลับจะเป็นช่วงเหนื่อยหน่าย ไม่ได้สนุกอะไร ใจนึกถึงวันอันน่าเบื่อที่จะตามมา ถึงที่หมายก็แยกย้ายไม่ก็หาอะไรกินกันอีกนิด

แต่แปลก ครั้งนี้ความรู้สึกเบื่อเหนื่อยที่ว่า มันก็น่าจะมีนะ แต่แทบไม่รู้สึกเลย เพราะมันมีความรู้สึกใหม่มาทับจนมิด พอเพื่อนๆหายไปหมดรู้สึกเหมือนรอบๆตัวหยุดนิ่ง เหมือนอากาศหยุดไหลจนรู้สึกได้ มีสิ่งที่หายไปและถึงอยากได้กลับมาก็เอาคืนมาไม่ได้ดั่งใจ จากเบากลายเป็นหนักเหมือนเดิม เหมือนปมค่อยๆกลับมาแต่ยังไม่ล่องหน (แต่ตอนนี้น่าจะล่องหนแล้ว)

เดินบนฟุตบาทท่ามกลางอากาศหนาวๆ แต่ครั้งนี้มีเสียงฝีเท้าแค่ของตัวเอง มันเหมือนโลกเงียบจนสามารถได้ยินเสียงเมืองรอบๆตัวได้ชัดเจนเกินไป วันที่ผ่านมาเหมือนมีเสียงเพื่อนๆห่อหุ้มโลกรอบตัวอยู่ตลอด พอหายไปเหมือนหลุดออกจากภวังค์ ทีนี้เวลาได้ยินเสียงอะไรคล้ายๆเสียงเพื่อนบางคน หรือเห็นใครหน้าเหมือนเพื่อนบางคนก็ตกใจ เหมือนใจหายแว่บขึ้นมาแป๊บๆแล้วก็กลายเป็นผิดหวัง

อดคิดไม่ได้ว่ามีอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกรึเปล่า ถึงคิดได้มันก็สายไปแล้วแหละแต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่าได้ให้ความสำคัญกับเพื่อนเต็มที่จริงๆไปแล้ว สิ่งที่ยังไม่ได้ทำน่าจะมีไม่มากหรอกมั้ง แล้วทำให้ได้คิดด้วยว่าถ้ามีครั้งต่อไปจะทำอะไรกันดี แค่คิดก็รู้สึกน่าสนุกพิลึก

ที่ผ่านมาเราเคยมี timeline ร่วมกันกับเพื่อนคนไหน ที่ไหน เมื่อไหร่ กลับกลายเป็นนึกออก ยิ่งทำให้รู้สึกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อนเป็นสิ่งที่วิเศษจริงๆ วันนึงอาจจะคนนั้นบ้าง อีกวันอาจมีเหตุการณ์ร่วมกันกับอีกคนบ้าง บางคนโผล่มาใน timeline เป็นประจำ บางคนไม่ค่อยเจอเลย บางคนนานๆได้ใช้เวลาร่วมกันทีแต่ก็เข้ามาในชีวิตบ่อยไม่เคยหายไป ภาพจากชีวิตมหาลัยที่มีเพื่อนมันชัดขึ้น เราเคยทำแบบนั้นแบบนี้ร่วมกันมานี่นา

เป็นสิ่งใหม่ๆที่พบได้เพราะเพียงแค่ว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปคือระยะทางมันไกลจากกัน ไม่น่าเชื่อจริงๆนะ