Sunday, September 28, 2014

วิธีทำซอสมะเขือเทศสด แบบ divide and conquer

คุณประสบปัญหานี้ใช่หรือไม่ ทำสปาเก็ตตี้ ใช้ซอสมะเขือเทศกระป๋อง มันผ่านการอัดกระป๋องซะจนไม่เหลือความสดชื่นเลย ทำซอสมะเขือเทศเองไม่ยากอย่างที่คิด แถมยังรู้สึกดี feel good กับสุขภาพ

วันนี้เราจะมาลองทำซอสมะเขือเทศสดโดยใช้ขั้นตอนวิธีแบ่งแยกและเอาชนะ (divide and conquer) เพื่อให้ได้ซอสมะเขือเทศสดที่ทั้งสดและเข้มข้นพร้อมๆกันได้ *ไม่ต้องใช้เครื่องปั่น!*

1. เทมะเขือเทศหั่นลงไปในหม้อ (นี่ 10 กว่าลูก)



Monday, September 22, 2014

ผิดสัญญาอีกครั้ง อีกครั้ง

หลังเที่ยงคืนแห่งการต่อสู้ที่เจอทุกวันจนชิน วันนี้ก็เหมือนกัน ตอนนี้จะตี 4 แล้ว
แต่ในที่สุดก็มาถึงจุดๆนี้ จุดที่ต้องตัดใจซะละ

คนเรารู้สึกว่าจะมีหลายๆอย่างที่พยายามทำแค่ไหนก็ไม่ได้ซะที

อย่างของผมก็คือการแต่งเพลง... Vocal!

คืนแล้วคืนเล่าผ่านไปกับการสร้างโปรเจคใหม่ โยนเครื่องดนตรีลงไปสองสามชิ้น เอาล่ะสิเริ่มจากไหนดี กลองมั้ย เบสมั้ย หรือเมโลดี้ก่อนดี อ้าวเริ่มเยอะ แล้วเนื้อร้องอยู่ไหน เว้นยังไง หรือจะมี placeholder ดี แล้วไม่นานก็ตัน เซฟ...

บางวัน สร้างโปรเจคใหม่ เหมือนเดิม แต่ทีนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นบนจอเลยหลังจากนั่งนิ่งมา 1 ชม. ตัน ไม่เซฟ...

บางวัน ยิ่งลงเมโลดี้ ยิ่ง cheesy ขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ตัวเองก็ไม่อยากเก็บไว้ ตัน ไม่เซฟ...

บางวันยิ่งคิดออกแต่ชื่อเพลงกับบรรยากาศ เซฟไฟล์เปล่าเพื่อแค่ให้จำชื่อเพลงได้

บางวันเริ่มมาเมโลดี้อย่างป๊อป แปปๆกลองเริ่มหนัก เบสเริ่ม Electro กลายพันธุ์เป็น Electro Pop แล้วก็กลายเป็น EDM  จริงๆ ตัน เซฟ...

เดือนแล้วเดือนเล่า ผ่านไปผ่านไปทีละเดือนยิ่งสิ้นหวัง กี่เดือนยังจำแทบไม่ได้เพราะมันเยอะ 3 มั้ง หรือ 5 เดือนแล้วไม่รู้

ยิ่งเข้าใกล้เดือนสุดท้าย ทุกอย่างยิ่งเริ่มมารุมไม่หยุดไม่หย่อน

พ่อแม่มาเยี่ยมรัวขึ้น พี่เริ่มเล่นเกมรัวขึ้น ไม่มีใครเข้าใจว่าแต่งเพลงมันต้องเงียบติส และใช้เวลา Focus ต่อเนื่อง 3 ชม.+ เหมือนงานโปรแกรมเมอร์ ไม่ใช่เดี๋ยวก็คุย เดี๋ยวก็กินข้าว เดี๋ยวก็โน่นนี่ พ่อแม่ก็ชอบไล่ไปนอน ทั้งๆที่มีแค่กลางคืนนี่แหละที่เหมาะสุดที่จะทำ..​ (นี่! มีหน้ามาโทษคนอื่นด้วย แต่อยากพิมพ์อะ)

หมดกัน มาถึงสัปดาห์สุดท้าย ตอนนี้ distraction ครบทุกอย่างสลับกันรุมล้อม ในที่สุดก็มาถึงคืนวันจันทร์ (ที่จริงอังคารแล้ว) ที่คิด perfect ที่สุด พ่อแม่นอนแล้ว พ่อไม่กรน พี่ไม่อยู่ ห้องเงียบกริบ

งัดทุก shortcut ที่เป็นไปได้ เครื่องดนตรีเอาที่เสียงอิ่มสุดในตัวมันเองโดยที่ไม่ต้องปรับมาก... เปียโน คอร์ดตัวเดียวพอ เมโลดี้งมแหลก

ฉากเดิมย้อนมา 1 2 3 ชม. ผ่านไป ตัน เพิ่งมาคิดได้ทีหลังอีกว่าเพลงเกี่ยวกับอะไรยังไม่รู้เลย ตกลงควรมีเมโลดี้ก่อน หรือความหมายก่อน หรือธีมก่อน หรืออะไรกันแน่

ยอมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีครั้งต่อไปจนได้สิ ถ้าไม่เป็นยอดมนุษย์สงสัยจะทำไม่ได้ อีกแค่ 5 วัน เป็นไปไม่ได้ชัดๆ

วันนี้ที่ perfect จริงก็ยังทำไม่ได้ สงสัยจะอ่อนด๋อยจริง

Thursday, September 18, 2014

คืนก่อนปล่อยเกม กว่าจะมาถึงคืนนี้ ย้อนไปยันอนุบาล

พรุ่งนี้แล้วที่จะได้กดปุ่ม "Release this version" เพื่อปล่อยเกมจริงจังเกมแรกที่ทำมานาน

วันนี้มีเรื่องยาวๆจะมาเล่า ยาวจริงๆจนต้องทำเป็นตัวสีแดง ถ้าคิดจะอ่านไปหาอะไรมากินไปด้วยก็ได้นะ 555 จริงๆเขียนได้ยาวกว่านี้ 4 เท่าเลยถ้าเอาละเอียดจริง แต่เอาแต่ที่เกี่ยวกับคืนนี้ดีกว่าเนอะ โพสต์นี้ อักษรเน้นๆ ภาพไม่มี ไม่แคร์สื่อ

ส่วนมากเรื่องที่เกี่ยวกับทำเกมนี่จะไปลงใน Blog ของทีม http://blog.exceed7.com/ ไม่เคยเอามาลงที่นี่เลย แต่นี่พิเศษหน่อย ขอลงที่นี่ในแบบที่ละเอียดกว่าในบลอคนั้น ก็แล้วกัน (แต่บลอคนั้น ก็มีสิ่งที่ที่นี่ไม่มีเหมือนกัน..)

แต่ที่แน่ๆ จะไม่ขอโฆษณาเกมที่จะปล่อยคืนนี้ดีกว่า...

ในคืนนี้ภาพมันย้อนกลับไปไกล ไกลถึงอนุบาล!

จบเกม


ตอนอนุบาลก็มีเครื่องเกมของญาติ คือเครื่องแฟมิลี่มั้ง มีตลับเกม 99 in 1 อยู่หลายอัน ก็ได้เล่นหลายๆเกมไปวันๆ แต่เกมจริงๆมันไม่ถึง 99 หรอก บางอันเข้าไปก็ Contra เหมือนกันแต่ไปโผล่ด่านสุดท้ายเลย 555  และแล้วจุดเปลี่ยนแรกของชีวิต (ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกว่ามันเป็นจุดเปลี่ยน) ก็มาถึง เมื่อรู้ว่าเกมที่เล่นๆเนี่ย มันมี "ฉากจบ" ! คือเกมสมัยก่อนมันยากมากจนไม่ได้เอะใจว่ามันจบเกมได้ จนกระทั่งได้เล่น Rockman 5 จนจบเกม ถึงได้รู้ว่ามันรู้สึกดีขนาดไหน.. (ต่อจากนั้นก็ไปไล่จบเกมเกมอื่นๆ ซึ่งส่วนมากก็จะไม่จบอยู่ดี ยากเกินไม่ก็อ่านไม่ออก)

เมื่อพ่อแม่ไม่ให้เล่นเกมต่อ สิ่งที่มาทดแทน (นอกจากเลโก้) คือ "เกมกระดาษ"

คือไม่ใช่วาดเป็นเกมแล้วเล่นได้นะ แต่เป็นวาดเล่นจริงๆ เล่นไม่ได้ วาดเหมือนกับว่าเป็นฉากนึงของเกมที่มโนขึ้นมาเอง วาดฉากแผนที่โลก วาดเมนู มี HP MP Lv. มีชื่อพระเอกนางเอก ลอกมาจากเกมไฟนอลที่เล่นมา วาดเสร็จแล้วก็ดูเล่น มันรู้สึกตื่นเต้นดีนะ 555 แล้วจำนวนสมุดก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นๆ เริ่มมีเกมภาคต่อจากเล่มอื่นด้วย ไปกันใหญ่ละ แต่นี่แหละคือ Game Developement แรกในชีวิตจริงๆ แต่ตอนนั้นคงไม่ได้คิดอะไรหรอก

เกมเต้น และมิวสิคเกม


เข้าสู่ยุคที่เกม DDR เกมเต้น 4 ปุ่มดังกระฉ่อน จนมีตู้แท้ภาค 2 มาตั้งที่อุดรธานีด้วยแหละ ถ้าไม่เล่นตู้ก็มีร้านบนห้างมากมายที่มีแผ่นเต้นเรียงรายรอให้เราไปเล่น เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนอีกจุดนึงที่ค่อยๆดึงตัวเองเข้าวงการมิวสิคเกม และทำให้นับถือนักแต่งเพลงในเกม จนกระทั่งอยากลองแต่งมั่งในที่สุด

สมัยนั้นไปที่เครื่องไหนก็จะได้เห็นคนเล่นเพลง Boom Boom Dollar.. บู้มๆ บูมๆ ฉันจะแลกกับดอลล่าร์ ถ้ายากขึ้นมาก็จะเป็น Butterfly อาอียาอียาย อยู่ดีๆนะบัตเตอฟลาย , Hero, B4U แต่ถ้าอยากหล่อจริงต้องเพลง Paranoia!

เพลวัน พุธ เสาร์ อาทิตย์ เท่านั้นที่เล่นได้


มาถึงยุคที่ร้านเกมเฟื่องฟู เรียกได้ว่าทุกเสาร์อาทิตย์คือพกแผ่นเซฟไปเล่นเกมที่ร้าน ปลูกผักจีบสาวขุดเหมืองได้สองสามวันก็หมด ชม. เล่นแล้ว หันไปข้างหลังเห็นคนเล่น Final 8 อยู่ ในที่สุดก็ตื้อจนได้เครื่องเกมมาเล่นที่บ้านจนได้ แต่พ่อแม่ดันมีกฏว่าเล่นได้แค่พุธ เสาร์ อาทิตย์ เลยทำให้เซ็งมากเพราะมีเกมต้องเล่นเยอะ ไปๆมาๆพอพิสูจน์ได้ว่าเล่นทุกวันแล้วเกรดขึ้น ก็เลยเล่นได้ทุกวัน เย้ จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้ผลการเรียนสูงขึ้น

เมื่อมีเวลาเล่นมากขึ้น นอกจากจะได้ลุยเล่นเกมเพล 1 มากมาย ตอนนี้เป็นช่วงที่นั่งเล่นเกม DDR บนจอย (ไม่มีตังซื้อแผ่นเต้น) ไล่เก็บ SS ไปแต่ละเพลงเพื่อเติมหน้า Records ให้เปล่งประกาย เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้ได้รู้จักจังหวะของตัวโน้ตแบบต่างๆขึ้นมาก พร้อมกับได้เล่นหลายๆเกมโดยใช้บทสรุป ทำให้ได้เห็น Game Design จากมุมมองกว้างๆ แต่ละฉากมีการออกแบบ มีการซ่อนอะไรยังไง (แน่นอนว่าตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรแบบนี้เลย 555)

Download และ Mp3


จบสิ้นกันทีกับการที่ไปตาลุกวาวที่จะได้เล่น Windows 98 ที่สำนักงานพ่อ (ที่บ้านมีแค่ Windows 3.11 ที่วันๆนั่ง Paint เล่นกับเปลี่ยน BG เล่น อ้อ มีเกมดีๆบน Dos เยอะเลยเช่น Commander Keen) ในที่สุดก็มีคอมเป็นของตัวเองแถมยังเป็น Windows XP ซะด้วย ธีมสีน้ำเงินมันช่างสดใสจริงๆ ไม่ช้าก็ได้รู้จักคำว่า Download ซึ่งมากับคำว่าเน็ต (Free TOT) อยากจะได้อะไรก็ได้ ในที่สุดก็ได้ค้นพบ Mp3 และเว็บที่รวบรวม "เพลงเกม" ไว้.. จุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตมาถึง ประหนึ่งระลึกชาติได้ เกมที่เล่นมาทั้งหมดสมัยเด็กๆที่ยังอ่านไม่ออก ตอนนี้อ่านออกและจำได้แล้ว ระหว่างฟังเพลงฉากต่างๆมันไหลกลับเข้ามาในหัวเหมือนเพิ่งเล่นเสร็จเมื่อวาน พูดได้ว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่อยากทำเพลงเจ๋งๆแบบนี้ได้บ้าง และในที่สุดก็ทำให้ได้เล่นโปรแกรมแต่งเพลงในตอนเรียน ปี 4 ซึ่งถึงจะเริ่มช้าไปหน่อย แต่ก็ได้เริ่มละกัน

RMXP


ไปร้านหนังสือ เจอหนังสือสอนทำเกมด้วยโปรแกรม RMXP เลยได้เรื่องเลย หลายวันไม่หลับไม่นอน นั่งสร้างโลกของตัวเองอยู่ในโปรแกรมนี้ ทำเสร็จแล้วพี่ก็จะมาเล่นโดยโหลดเซฟที่เล่นค้างไว้ พอถึงจุดสุดท้ายที่ไปได้ (ไปต่อไม่ได้เพราะยังไมได้ทำต่อ) ก็จะเซฟที่จุดเซฟ แล้วทำต่อ วนไปวนมาแบบนี้ สนุกดี

โปรเจคทำแล้วทิ้งไปหลายอย่าง (แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ใช้เครื่องมือ Adobe เป็น) ตอน ม.4 เพิ่งได้เรียน รด. เลยทำเกม รด. ชื่อเกม "เอกราช" ขึ้นมา โปรเจคนี้เป็นจุดเปลี่ยนเพราะเป็นการทำเกมจริงจังเกมแรกที่คิดเนื้อเรื่อง คิดระบบทุกอย่าง ออกแบบเมือง ออกแบบแผนที่เอง แต่สุดท้ายมันก็ไม่เสร็จเมื่อถึงเวลาต้องเข้ามหาลัย เวลาทำโปรเจคนี้ต่อก็เริ่มหายไป... (+เนื้อเรื่องกากมากจนต่อไม่ได้ 555)

มาลองเปิดอีกทีตอนประมาณ ปี 4 ก็พบว่ามันรันใน Windows 8 ไม่ได้แล้วด้วย ต้องลองลง XP ซักวัน

Game Online


เข้าสู่ยุคเกมออนไลน์ก็ติดงอมแงมถ้าเล่าละเอียดคงไม่หมดแน่นอนกับความทรงจำใน RO และ Maple Story นอกจากนี้ ได้พบ O2Jam ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนอีกจุดที่ยกระดับจาก DDR บนจอย มาเป็นมิวสิคเกมของจริงซึ่งมีตั้ง 7 ปุ่ม

นี่เป็นจุดที่เรียกได้ว่ากลายเป็นมิวสิคเกมเมอร์ตัวจริงในวินาทีที่ฝึกฝนเพลง Electro Fantasy HD (ไม่ใช่ SHD) จนผ่านได้ รู้สึกดีมากๆ ดีจนติดใจความรู้สึกนี้ ที่อยู่ๆเราก็ทำบางสิ่งบางอย่างได้ ทั้งๆที่ยังจำได้อยู่เลยว่าไม่เคยทำได้ มิวสิคเกมในช่วงเวลานี้ได้เป็นพื้นฐานของการฝึกทุกอย่างที่ตามมาในอนาคต เช่นแต่งเพลง วาดรูป ควงปากกา ฯลฯ มันเริ่มต้นมาจากมิวสิคเกม!

เอาวิศวะคอม!


ที่จริงก็ไม่รู้จะเอาอะไร แต่ลองคิดดูที่ผ่านๆมาวิศวะคอมน่าจะใกล้สุดเพราะวันๆเล่นแต่เกมกับคอม ก็เลยเอาวิศวะคอม เสียวอย่างเดียวที่โปรแกรมมิ่งเป็นแค่ HTML โง่ๆ แต่มีคนบอกว่าไม่เป็นไรเขาสอนอยู่ดีก็เลยเอาเลย

เข้าไปแล้วได้เจอภาษา C# เป็นภาษาแรก รู้สึกดีที่เราสามารถออกแบบให้มันทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ รู้สึกคล้ายๆตอนได้สัมผัส RMXP ครั้งแรก แต่นี่เอนกประสงค์กว่า 

พอได้เรียน GUI ร้อนวิชาจนถึงกับทำโปรแกรม Technika E ขึ้นมา ซึ่งเป็นโปรแกรม Browse เล่นไฟล์วิดิโอเกม Technika ตามเพลงกับระดับความยากดีๆนี่เอง ไปเล่นตู้บ่อยๆไม่ได้ แพง แถมยากอีก จิ้มจอคอมไปก่อน 555

Exceed Camp


มามหาลัยพร้อมกับทิ้งโปรเจค "เอกราช" ไว้เบื้องหลัง ไม่คิดว่าจะมาเจอคนที่อยากทำเกมอีก ค่าย Exceed Camp นี่เป็นค่ายคอมที่ถ้าไม่เข้าจะเรียนไม่จบ จะจับกลุ่มสุ่มมารวมกันให้ทำของขายในวันสุดท้าย (เงินปลอม) เกมที่ทำขึ้นมา ชนะเลิศ ขายได้อันดับ 1

แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ได้ไม่ใช่ยอดขาย เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้เห็นคนเล่นเกมเรา เล่นอย่างมันส์เลย ยิ้มหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน (มันเป็นเกมสู้กันสองคน) ไม่เคยได้ความรู้สึกเห็นลูกค้ามาเล่นแบบนี้มาก่อน จุดนี้เป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้อยากทำเกมขึ้นมาจริงๆ อยากเห็นคนเล่นแบบนี้อีกจัง

ตัวละครและระบบการเล่นของเกมที่ทำในค่ายนี้ กลายเป็นฐานและเติบโตมาจนกลายเป็นเกมที่จะปล่อยในวันพรุ่งนี้ในที่สุด!

Stepmania Technika Cytus etc.


ช่วงนี้ได้รู้จักมิวสิคเกมเด็ดๆเยอะขึ้น โดยเฉพาะ Stepmania ที่ได้เข้าไปทำโน้ตเพลงส่งไปร่วมสนุกกับ Pack ในเว็บบอร์ดต่างๆเยอะจนเป็นที่ยอมรับว่าทำโน้ตสนุก (จนได้ใช้ความสามารถนี้มาทำงานกับ Thapster ซึ่งก็ใช้ด้วยกันได้นิดหน่อย)

จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้เปลี่ยนความคิด จากที่อยากแต่งเพลงเพราะต้องใช้ประกอบเกมตัวเอง เปลี่ยนเป็น ถ้าได้แต่ง "เพลงฟัง" ขึ้นมา แล้วอยู่ในมิวสิคเกมเหมือนศิลปินในเกมเหล่านี้ มันก็คงจะรู้สึกดีไม่น้อยเลยนะ!

ไม่ใช่แค่อยากแต่งเพลงฟังเท่านั้น มันยังทำให้เกิดความรู้สึก.. อยากทำมิวสิคเกมของตัวเอง! แต่คงต้องใช้งบมหาศาลแน่เลย

ส่วน Technika เป็นจุดเปลี่ยนที่อยากทำฉากหลังสวยๆงามๆแบบนั้นให้ได้บ้าง ทำให้ได้มารู้จักกับโปรแกรม After Effects ในที่สุดตอนปี 4

แข่ง


หลังจบค่ายอารมณ์ไม่จบ ทีมฟอร์มขึ้นมาเพื่อทำเกมเข้าแข่งงานต่างๆเช่น NSC ทุกๆปี จนในที่สุดก็ชนะในตอนที่เรียนอยู่ ปี 3 จนได้ด้วยเกม "โป้งแปะ" ปลาบปลื้มมาก จุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้รู้ว่าเราก็เข้าขั้นนะ แถมยังลับสกิลทำเกมและ Optimize สิ่งต่างๆให้เฉียบคม แต่มันยังมีอะไรขาดอยู่อีกอย่างคือ..

แล้วคนอื่นๆล่ะคิดยังไง


เกมที่เราทำไปแข่ง มันก็ทำเอาใจกรรมการ แล้วคนอื่นๆล่ะ? ตอนนี้เรียนอยู่ ปี 4 ทุกคนวุ่นกับการทำโปรเจคจบ แต่ก็คิดกันได้ว่าก่อนที่จะสายไป ขอรวมทีมเดิมมาทำโปรเจคส่งท้ายเพื่อขายจริงๆดูมั้ย อยากจะรู้ว่าคนอื่นคิดยังไง อยากจะรู้ว่าการขายจริงต้องใช้ฝีมืออะไรเพิ่ม...

และแล้วโปรเจคโค้ดเนม Factora ก็เริ่มขึ้น แต่เรียนจบแล้วก็ทำไม่เสร็จ จนกระทั่ง

เอื่อยเฉื่อย


ในปีแรกหลังจากจบ วุ่นวายกับการหางาน และเพลิดเพลินกับการทำงาน แผนที่ว่าจะทำเกมหลังจากเวลางานก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เลิกงานใครๆก็อยากพักเล่นเกมดูซีรีย์ ตารางเวลาที่วางไว้ไม่มีใครทำตาม เกมเดินไปช้ามาก ส่วนตัวก็ยังตามงานไม่เป็นด้วยแหละ มีช่วง 2 เดือนนึง ที่ลองไม่ทวงอะไรเลย ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นจริงๆถ้าไม่ทวงให้ทำงาน (เป็นที่มาของสโลแกนทีม "Let's make something happen." มันแปลได้อีกนัยนึงว่า ถ้ากูไม่ทำมันก็จะไม่มีอะไรคืบหน้าเลย แสรดด) และก็มาถึงจุดแตกหัก ณ ปีใหม่คือ

เกมแมร่งไม่สนุกเลย!


หลอกตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ว่า Factora ที่ค่อยๆกระเตื้องมาจนถึงปีใหม่นี่มันไม่สนุกซักนิด แล้วทำไมเพิ่งมารู้ เพราะขาดอย่างเดียวคือการ Prototyping...

คืนนั้นจำได้ว่านั่งคิดไปคิดมาหลาย ชม. ตัดสินใจ นัดประชุม ยุบโปรเจคทิ้ง คิดใหม่หมดทุกอย่าง หมดกันเวลาที่ทุ่มเทมาตั้งแต่ปี 4 ถึงตอนนี้ แต่ทำใจทำเกมที่รู้ตัวว่าไม่มีทางสนุกต่อไปไม่ได้

เริ่มใหม่ ดุเดือดกว่าเก่า


เริ่มโปรเจคใหม่ ทุกคนสัญญากันว่าจะตั้งใจให้มากกว่าเดิม วางแนวคิดใหม่และลุยอย่างไม่หยุดยั้ง เวลาผ่านไปประมาณอีกเกือบปี ทวงงานก็ต้องทวงเหมือนเดิม แต่โปรเจคดูมีอนาคตมากขึ้นเพราะ Prototype มาอย่างดี ทำให้กำลังใจไม่หมดไป ในที่สุดก็มาถึงวันนี้...

คืนก่อนปล่อยเกม


เคยอ่านเรื่องราวของสตูดิโอเกมมาเยอะเหมือนกัน ว่าวันปล่อยเกมจะเป็นวันสังสรรค์ รื่นเริง มาทดลองเล่นกันยันเช้า มาช่วยกันดูว่าพลาดอะไรตรงไหน และมาปล่อยเกมด้วยกัน พร้อมกับวางแผนทำการตลาดว่าจะใช้ไม้ไหนต่อไปดี ใครจะคอยดูช่องทางโซเชียลต่างๆว่ามีใครมาบ่นอะไรมั้ย

จริงๆแล้วผมก็ฝันว่าอยากจะมีวันปล่อยเกมเป็นวันแบบนั้นครับ

แต่ว่าความจริงมันไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น

ทีมทำเกมของผมเป็นทีมที่ทุกคนยังทำงานปกติ รับเงินเดือนตามปกติ (ยกเว้นผมที่ลาออกมาเพราะเตรียมไปเรียนโทที่ญี่ปุ่นวันที่ 28 กันยานี้) แต่ละคนต้องเจียดเวลาหลังเลิกงาน และหลังพักผ่อนแล้ว เพื่อมาทำเกม

ห้องตอนนี้เงียบ มีเพียงเสียงแอร์กับเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดนี่ ผมนั่งคุย Facebook Messenger กับเพื่อนอีกคนว่าตกลงพรุ่งนี้จะกดปล่อยตอนกี่โมงดี (จริงๆมันก็เหมือนๆกันแหละ) แล้วก็มีแม่ทักมา บอกเลขมงคลต่างๆ ปล่อยเวลานี้สิลูก ค้าขายดี... 

ทีมผมยังต้องเตรียมตัวไปทำงานพรุ่งนี้ตามปกติ ช่วงเวลาที่ผมวาดฝันไว้สงสัยจะไม่มี

เพราะเหลือแค่คนเดียวเลยต้องพยายามคิด ว่าตกลงเราลืมอะไรไปรึเปล่าวะเนี่ย ถ้าปล่อยแล้วต้องทำอะไรบ้าง เมลส่งให้สื่อก็น่าจะพอแล้ว ส่วนวิดิโออัพเดทเพจก็ค่อยตัดต่อพรุ่งนี้ ถ้าปล่อยแล้วต้องไปเพิ่มลิ้งค์เข้าไปซื้อของที่ไหนบ้าง ที่เว็บ ที่เพจ ในยูทูป...

ความกังวลยังไม่หมด เพราะไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งเจอบัคตัวเป้ง แต่ถ้าจะแก้ต้อง Submit ใหม่ อาจจะใช้เวลาอีกครึ่งเดือน ซึ่งก็ไม่ได้อีกเพราะจะไม่ทันบินไปญี่ปุ่น ทำไมต้องปล่อยก่อนไปญี่ปุ่น เพราะอยากจะประชุมปิดงานแบบสบายใจกับเพื่อนก่อนไป ถ้าไปแล้วคงประชุมไม่ได้อีกเลย

แน่นอนว่าคนแรกๆที่มาเล่นเกม คือลูกค้าที่ Loyal มาก (เพื่อนกับครอบครัว นั่นแหละ) ปล่อยเกมทั้งๆที่เห็นบัคแบบนี้ เหมือนเราทำลายความคาดหวังของพวกเขา ทำแบบนี้รู้สึกแย่มาก นี่ถ้าไม่มีบินไปญี่ปุ่นคงถอนออกมา Submit ใหม่แล้ว..

วิดิโอ PV ที่จะปล่อยวันพรุ่งนี้ก็ยังกากอยู่ แก้แล้วแก้อีกเป็น 10 รอบ (แต่เลขมันเขียนว่าแค่ V3) รู้สึกว่าเร็วไปและยังสื่อสารได้ไม่ดีเลย แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็แบบว่าภาพกับเสียงเพลง (ที่แต่งเอง) มันเชื่อมกันแน่นมาก ถ้าแก้อาจจะต้องยืดเพลงแล้วจัดเรียงเหตุการณ์ใหม่ ไม่ทันแน่เลย..

ส่วนเว็บที่ทำมาเป็นสัปดาห์ยิ่งกากเข้าไปใหญ่ ไม่ใช่คนอาร์ทอยู่แล้วเลยออกแบบเว็บไม่เป็น แค่ดูก็รู้สึกได้ว่าดีไซน์ยังรกๆอยู่แต่ไม่รู้จะแก้ยังไง แต่ถ้าไม่ทำเองก็ไม่มีใครทำ..

รวมๆแล้วคือไม่อยากปล่อยเกมทั้งๆแบบนี้เลย T-T

พออยู่คนเดียวมันก็เริ่มฟุ้งซ่าน เริ่มคิดล่วงหน้าว่า ตกลงสุดท้ายจะได้เงินเท่าไหร่กันน้า... จิ้มเครื่องคิดเลขจึกๆ

เกมนี่มันจะมีช่วง Spike แรก แล้วก็ค่อยๆกลายเป็น Long tail ที่กดออกมาปรากฏว่า... น่าจะได้คนละประมาณ 11000 บาท (แล้วเข้าสู่ Long tail)

ทำมาเกือบ 2 ปีแต่ได้ 11000 บาทนี่มันก็... โอเคมั้ง (ประชด) ถ้าคิดถึงว่าทุกคนยังได้เงินเดือนจากงานปกติด้วยอะนะ ก็คิดซะว่า ได้โบนัส..

หลังจากที่พยายามยับยั้งความคิดตัวเองที่ว่า 11000 นี่มันน้อยสัสๆ ความคิดก็เริ่มลอยไปว่า เอ๊ จะเอา 11000 นี่มาซื้ออะไรดีหว่า...

ตรงนี้แหละเริ่มสนุก เอ อะไรบ้างราคาประมาณหมื่นนิดๆ จะเอาไปซื้อ Intuos Pro ดีมั้ย หรือจะซื้อปากกา Lamy ที่อยากได้มานานดี หรือจะซื้อคีย์บอร์ด 61 คีย์ใหม่ที่ญี่ปุ่นดีนะ (คงไม่แบกของที่หอไป) ตอนนี้เริ่มเตลิดละ ไล่หาคีย์บอร์ด 61 ปุ่มตามเน็ตไปเรื่อยเปื่อย สนุกมากครับ 555

เราไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ความรู้สึกที่ว่าเงินที่ได้มาเนี่ยจะเอามาซื้ออะไรดีหวา สมัยที่ได้เงินเดือนซึ่งได้มากกว่าไอ้ 11000 นี่ตั้งมากกว่า 2 เท่าซะอีก ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยนะ

ก็เลยทำให้คิดได้ว่า ที่มาของเงินต่างหากที่สำคัญ พอเงืน 11000 นี่มันมาจากสิ่งที่อยากทำมานาน พอได้คิดล่วงหน้าว่าจะซื้ออะไรดี มันรู้สึกน่าสนุกไปหมด จำนวนเงินที่ได้นี่มันไม่เกี่ยวเลยด้วยซ้ำ เหมือนที่ Steve Jobs พูดไว้ว่า "Journey itself is a reward" สิ่งที่ได้คือการเดินทางทั้งหมดที่มาถึงจุดนี้ต่างหาก...

ถึงอยู่คนเดียวจะฟุ้งซ่านดีก็เหอะ แต่ถ้ามีเพื่อนมาค้างคืน กินพิซซ่าด้วยกันไรงี้ก็คงจะดีกว่านี้ 555

ทั้งหมดนี่คือคืนก่อนปล่อยเกมของผมครับ...