Sunday, November 8, 2015

BMS of Fighters Ultimate 2015 - Daikessen - สงครามเลือดสาดดดด (จริงๆ)

จาก : http://5argon.blogspot.jp/2015/09/blog-post.html

ได้มาพิมพ์แล้ววว! สุดท้ายหลังเลิกงานก็ไม่ได้ว่างจริงๆซะทีเพราะแลปไล่ฟัด.. จริงๆตอนนี้ก็ไล่ฟัดอยู่แต่ถ้าไม่ตัดสินใจมาพิมพ์ซะทีเดี๋ยวมันจะลืมไปหมดซะก่อนนะ เริ่มเปิดมือถือย้อนวัน เปิดโซเชียลย้อนเวลาเรียกความจำซะหน่อย

(ความยาวของ blog นี้ คือยาว! เขียนแบบไม่แคร์สื่อ)

ตอนนี้ 8 พฤศจิกายน... เดือนนี้กับอีกเดือนก็จะหมดปีแล้ว!!? 

รู้สึกเหมือนเป็นปีที่เวลาเร็วที่สุดในชีวิต อะไรเนี่ย ทำไมช่วง มกรา-มิถุนา เหมือนความทรงจำหายไป คิดไม่ออกว่ามันหายไปไหน รู้สึกตัวอีกทีก็มากลางๆปีแล้ว รู้สึกเหมือน Comiket ฤดูหนาวที่ไปครั้งที่แล้ว เป็นเมื่อไม่นานมานี้เองอะ นี่จะวนมาอีกรอบแล้วเหรอเนี่ย...

Exargon ~ the chain of fate ~

จุดเริ่มต้นของโชคชะตาหลายๆอย่าง ใครจะไปรู้ว่าเหตุการณ์ในเดือนต่อๆมาจะออกมาเป็นแบบนี้  ต้องพูดว่าครึ่งปี! เลยด้วยซ้ำ เป็นปีแรกในชีวิตเลยมั้งที่ครึ่งปีแรกมาสร้างเหตุการณ์ที่ไม่ได้คิดมาก่อนในครึ่งหลังขึ้นมาใหม่หมด!

[ย้อนกลับไปปีที่แล้วตอนยังอยู่ไทย]

Wednesday, October 14, 2015

I am not a freaking researcher!!

(โพสต์นี้จะพิมพ์แบบตามความคิดสดๆ ไม่ได้เรียบเรียง เลยอาจจะดูเละๆ...)

อยากจะสรุปความรู้สึกของคนที่มาเรียนโท แต่ได้ค้นพบอะไรบางอย่าง กับความประหลาดของระบบศึกษา

ชอบเรียนรู้ ชอบสร้าง ชอบประดิษฐ์.. แต่ หลายๆครั้ง งานวิจัยที่ต้องทำที่นี่ มันมาดึงความสนใจจากสิ่งที่อยากทำจริงๆ

"In the flow" ศัพท์นี้.. เกิดขึ้นกับตัวหลายครั้งมาก ตอนที่ดำดิ่งอยู่กับเรื่องที่อยากรู้อยากเรียนจริงๆ ไปต่อแค่ไหนก็ทำได้

อย่างเมื่อวานก่อน พอดีเรียนญี่ปุ่นอยู่แล้วเกิดไอเดียอยากทำเว็บช่วยเรียนญี่ปุ่น ก็เลยนึกอยากฝึก Ruby on Rails ขึ้นมา.. มันก็เป็นความอยากชั่ววูบอะไรแบบนี้บ่อยๆแหละ แล้วมันก็สนุกจริงๆ การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ นั่งตั้งแต่เที่ยงวันจนจะตี 5 แล้ว ก็ยังรู้สึกว่าไปต่อได้เรื่อยๆ ไม่นอนก็ได้นะ

Monday, September 7, 2015

อยากเขียน

อยากเขียนสิ่งที่ทำในตอนนี้กับเดือนที่ผ่านมามาก แต่ยุ่งกับเดดไลน์ไล่ฟัดจนไม่มีเวลาเขียน 555 เดี๋ยวเดือนหน้ามาเขียนแน่นอน บาย

Monday, June 8, 2015

ทำไมถึงยังสู้ต่อไปอยู่

ทีแรกว่าจะพิมพ์เป็นไทยแล้ว แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่อะ ภาษาไทยกับเรื่องแบบนี้ 55 พอเป็น eng แล้วก็เลยไปลงใน blog Exceed7 แทน เพราะฉะนั้นก็ไปอ่านเอาเองในนั้นก็แล้วกัน จบ เย่
http://blog.exceed7.com/2015/06/an-analysis-of-why-can-i-keep-go-on.html

Thursday, May 14, 2015

การพูดคุย

เมื่อวานนี้ได้รู้ว่าการที่มีคนที่สามารถรับฟังปัญหาของเรานี่มันวิเศษจริงๆนะ

ชีวิต.. ​รู้สึกเหมือนไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน เมื่อสมัยมหาลัยก็เหมือนอยู่นอกวงเม้าท์มาตลอด ก็เลยกลายเป็นว่า ไม่เคยที่อยู่ๆจะอยากโทรไปคุยกับใครเลย (คุยแบบคุยเฉยๆไม่ใช่นัดกันหรือเรื่องงาน) เพราะถ้าทำแบบนั้นก็คงแปลก ก็คงเสือกล่ะมั้ง (ไม่มั้งหรอก โดนมาแล้วจริงๆ 55) ระบบข้อความโซเชียลต่างๆก็แทบไม่เคยทักใครไปก่อน นานๆไปก็เลยช่างแมร่ง ไม่อยากให้รู้นักก็ไม่เอาก็ได้ ตั้งหลายอย่างที่ไม่ได้มา อันนี้ก็คงเป็นอีกอย่าง

จนได้มาถึงจุดนึงคือจุดที่ได้เห็นหน้าจอคอมของเพื่อน เพื่อนหลายๆคนกว่า 80% เปิด FB เปิด Line คาไว้ มีแชทบ๊อกซ์อยู่บนจอมากมายที่กำลังคุยอยู่ จริงๆก็ไม่ได้อยากเห็นหรอกเพราะบางทีเห็นแล้วมีแต่เพิ่มเรื่องให้คิด

พอตอนมีทีมทำเกม เพื่อนมาทำงานที่ห้อง ก็เป็นครั้งแรกที่ได้รู้เหมือนกันว่า "ข้อความ" ของคนอื่นนั้นมันเป็นยังไง เด้งทุก 1-3 นาที ทั้งวันไม่หยุดเลย สลับไปมาระหว่างเฟซบุ๊คกับงานได้ตลอดวัน นี่คือเรื่องปกติเหรอ ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องปัญหานี้หรอกนะ แค่คิดว่าเพราะแบบนี้งานเลยไม่เดินเฉยๆ

จุดนั้นก็พอจะรู้แล้วว่าเราไม่ค่อยจะเหมือนคนปกติ แต่ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นปัญหาขนาดนี้

จากที่ไม่เคยมีโอกาสได้พิมพ์นานๆเข้า ตอนนี้มันพัฒนาเป็นต้องการพูดได้ไง แต่น่าจะเกี่ยวกันอยู่นะ

เหมือนว่าจริงๆแล้วลึกๆแมร่งโคตรอยากคุยเลย แต่ปีหรือหลายปีที่ผ่านมามันก็ไม่มีช่องทาง มันก็งั้นๆเดี๋ยวก็หายไป แต่พอมันทำได้ขึ้นมาเท่านั้นแหละ ไม่รู้สิ มันเก็บปัญหาไว้กับตัวไม่ไหวแล้วน่ะ บางอย่างที่ไม่ได้บอกใครมาเป็นปีครึ่งก็หลุดหมด พิมพ์เอามันก็ไม่ใช่ด้วยนะ การพิมพ์มันไม่ช่วยอีกต่อไปแล้วสำหรับคนที่ทำงานพิมพ์โปรแกรมทั้งวัน มันด้านชาไปหมดตั้งนานแล้ว

อีกใจนึงก็ดันคิดว่าการโทรไปมันเป็นการรบกวนเพราะประสบการณ์เก่าๆไม่ค่อยเวิร์คเลย แต่ถ้าคิดแบบนี้การมีคนคุยด้วยก็ไม่มีความหมายอีก งงดี

ที่เราไม่่ชอบแฮงเอาท์กับคนไทยที่นี่ไม่รู้เกี่ยวมั้ย ที่นี่เห็นแต่คนไทยด้วยกันนี่แหละที่นั่งเช็คมือถือทุก 1 นาทีบนโต๊ะอาหาร คนญี่ปุ่นนี่ไม่มีเลย ส่วน ตปท. นี่ประมาณ​ 5 นาทีครั้งแต่ก็รีบเก็บลงไปมาคุยต่อ คือพอมีโอกาสได้มานั่งกินข้างด้วยกันกับคนไทย (ซึ่งก็นานๆที) ก็ได้นั่งมองคนเล่นมือถือกันทุกที จนได้สังเกตุว่ากี่วินาทีถึงจะเงยหน้ากลับขึ้นมา ก็งงเหมือนกัน เพราะพอไม่เจอกันก็โดนบ่นว่าหายหน้าหายตา - - เป็นงี้บ่อยๆมันก็อยากคุยน่ะ อยากได้พูดบ้างอะไรบ้าง

กลับมาเข้าเรื่องเดิมต่อ คือจริงๆหลังคุยเสร็จแมร่งมันไม่ได้เปลี่ยนผลลัพธ์เลยนะ คือแค่บ่นกับได้คอมเมนต์เท่านั้นเอง สิ่งที่คิดจะทำก็เหมือนๆเดิม

แต่แมร่งมันช่วยเรื่องใจได้มากจริงๆนะ คือฟื้นเร็วมาก ปกติใช้เวลาเป็นหลายวันถึงสัปดาห์ถึงจะหายไป แต่นี่แค่คุยเสร็จก็โอเคแล้ว คุยเสร็จก็กลับมาทำงานทำอะไรต่อได้เลย

สำหรับคนปกติที่เข้ามาอ่านนี่คงจะรู้สึกว่าเวอร์ไป จริงๆก็คิดอยู่ว่ามันเวอร์ แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว

ก็เลยทำให้ได้คิดว่า ถ้าเราได้รับฟังปัญหาใครแล้วมันช่วยคนๆนั้นได้ เราก็คงจะดีใจมากเลยนะ แต่ในชีวิตนี้ตั้งแต่เกิดมาแทบนับครั้งได้ที่จะมีคนมาปรึกษาอะไร เพราะอะไรก็เพราะต่อเนื่องมาจากความคิดที่ว่าเป็นคนอยู่นอกวง คุยไปก็คงไม่ได้อะไรอยู่ดี (จริงๆน่าไม่มีในช๊อยส์ตัดสินใจเลือกปรึกษาปัญหาเลยมากกว่า) พอสองอย่างมันเสริมกันแบบนี้มันก็เลยกลายเป็นหายหมดเลยน่ะสิ

"Everything will go wrong" อันนี้คือสิ่งที่คน negative และค่อนข้าง introvert แบบเราชอบคิด "and you cannot do anything about it" แต่ถึงคิดแบบนี้ก็ยังลงมือทำต่อไป เพราะเป็นแค่ความคิดหลอกตัวเองเบาๆ

ถ้ากำลังรีบขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนๆมันจะจอดกลางคัน ถ้าตั้งใจทำอะไรประกวดมันจะไม่เข้ารอบ ถ้าเดินทางก็คงตกรถไฟ ไปร้านไหนก็คงจะปิด วันไหนตั้งใจออกไปเที่ยวเล่นฝนก็ตก ถ้าพยายามมันจะไม่ได้ ถ้าเชื่อว่าเดี๋ยวก็มา มันจะไม่มา

พอคิดแบบนี้ดักไว้ก่อน (แล้วก็ชอบเป็นจริงซะด้วยสิ) พอมันเฟลจริงก็จะได้ "55 ว่าละ" แต่ถ้ามันได้ขึ้นมามันก็จะ "เฮ่ย ไม่น่าเชื่อออ" เห็นมั้ยว่า win win ทั้งนั้น..

"..but after that you can actually do something!" แต่ถึงอะไรแย่ๆจะเกิดขึ้นและเราหยุดมันไม่ได้ แต่หลังจากนั้นเราสามารถทำให้ความรู้สึกแย่ๆหายไปได้ เทียบกับเน็ตเวิร์คก็คงเหมือนกับไม่ทำ error prevention แต่ไปทำ error correction แทน.. หนึ่งในวิธี ก็คือการพูดคุยนี่ล่ะนะ ถ้าเกิดว่ามีคนให้พูดคุยตลอดเวลาก็คงจะดีนะ

ตรงนี้เราขอขอบคุณเพื่อนคนนั้นอีกครั้งก็แล้วกัน โคตรช่วยเลยอะแต่คงไม่รู้หรอกว่ามันขนาดนี้ จริงๆคงไม่เข้ามาอ่านหรอก ถ้ามาเห็นว่าแค่คุยกันทีเดียวกลายเป็น blog โพสต์นึงคงจะตลกน่าดูเพราะงั้นไม่เห็นก็น่าจะดีแล้ว

ปล. เปิด iPod ไปเจอภาพถ่ายเพิ่งจำได้ว่ามันพีคตรงนี้ด้วย คือเดินปลีกตัวออกมาจากปาร์ตี้ แล้วเจอแมวที่ไม่ค่อยได้เห็นพอดี คือแมร่งจังหวะนั้น ดีใจมากอะ เรียกแล้วมาหาด้วย เหมือนว่าเจอแล้ว คน(ตัว)ที่แมร่งเข้าใจเราได้โผล่มาช่วยแล้ว พอดีสุดๆ คือเมื่อวานเนี่ยกอดมันแบบอยากให้มันพูดได้มาก





Sunday, April 12, 2015

เล่นเกม

วันนี้ (ตะกี้นี้) ผมเล่นเกมครับ (!)

ถ้าเป็นสองสามปีก่อนหรือมากกว่านั้นคงจะไม่แปลกอะไรเลย แต่ตะกี้ที่เปิด Left 4 Dead 2 ขึ้นมาเล่น ถึงได้รู้สึกว่าการเล่นเกมนี่มันสนุกจริงๆนะ (ยิ่งตอนนี้มีคอมแรงแล้ว)

ถ้าเรียบเรียง ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี เอาเป็นว่า เอาแบบไม่เรียบเรียงดีกว่า ตามลำดับเลย

ตอนนี้มีสิ่งที่ต้องทำเดิมคือ
- Duel Otters v1.4 ต้องให้ทันก่อนงาน Unite ที่จะบินกลับไปไทย เผื่อได้โชว์ในงานจะได้ดีๆ
- หมายความว่าต้องอัดเสียงตัวชาย
- ต้องตัดต่อเสียงตัวหญิง
- ระบบ UI
- สมัครสอบ JLPT ไปแล้ว อีกสองสามเดือนเอง ต้องรีบอ่าน สมัคร N3 ไปทั้งๆที่ความรู้ยังไม่ได้เฉียด N5 เลย (ลองท้าทายตัวเอง)
- แลปจันทร์นี้ต้อง user test ไม่รู้จะจบสิ้นวันไหน
- เทอมเพิ่งเปิด ตารางเรียนเทอมนี้เยอะชิบ หมดวันทุกวัน
- เพลงต้องแต่งบ้างแล้วไม่งั้นที่ตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้จะออกอัลบั้มคงเป็นความฝัน
- วาดภาพลงเพจตัวนากซักหน่อย เดี๋ยวอนาคตที่อยากไปนั่งขายของทำมือด้วยแคแรคเตอร์ของตัวเองจะเป็นแค่ความฝัน
- ของที่จะทำลง Asset Store ควรทำให้เสร็จแล้วเอาลงไปขายซะ
- ฝึก Amazon Web Service ซะทีเพื่อที่จะได้ทำ Duel Otters 2.0 (ออนไลน์ได้)
- โน้ต Thapster ยังไม่ได้เทสเลย แต่ก็ไม่อยากทิ้งโอกาสเพราะชอบเพลงนี้ (Paparazzi.. อู้ลัลลา หล้า)
- เริ่มทำมิวสิคเกมใหม่ของตัวเอง เพื่อความฝันที่จะรวมพลังให้ศิลปินเพลงสไตล์โดจินชิไทยมีจุดยืน (ตัวเองด้วย ฮา)

แล้วก็รู้อยู่ว่าตัวเองเป็นพวก impulse action แบบว่า เหี้ย ไอเดียนี้น่าลองว่ะ ทำเลยไม่นอนแมร่งงง แบบนี้ มันเลยชอบมีอะไรมาแทรกเสมอๆ (ไฟติด นั่นแหละ)

Monday, March 30, 2015

Roadmap อัพเลเวลของปีนี้

หืมนี่มันเมษาแล้วรึเนี่ย ผ่านมา 1/3 ของปีแล้วสินะ ถามตัวเองว่าพร้อมจะเผชิญกับโลกอันโหดร้ายหลังเรียนจบจากญี่ปุ่นรึยังก็ต้องตอบว่ายังอีกไกล

ตามแผนว่าระหว่างเรียนซึ่งเป็นอมตะอยู่ (มีเงินทุน) จะรีบฝึกทุกอย่างกับเก็บตังไว้เริ่มต้นอะไรของตัวเองให้ได้มากที่สุดหลังเรียนจบ ซึ่งถ้าเก็บตังพอน่าจะอยู่ได้ประมาณปีนึงโดยไม่ต้องเสียเวลาพะวงทำงานประจำ.. หวังว่าแผนมันจะเวิร์ค ถ้าหาเงินเองได้ จะได้พูดได้ซะทีว่าสามารถดูแลคนสำคัญได้

ตอนนี้แมร่ง ไม่มีอนาคตโคตรๆ พอตัดอาชีพครูมหาลัยออก (ต้องจบเอก แต่ไม่ชอบวิจัยคงยาก) และสิ่งที่ทำได้มีแต่อันที่มันไม่ได้เงินเดือนอย่างทำเกม ยิ่งทำให้ดูสิ้นหวัง 555

ดังนั้นเพิ่มโอกาสให้อีกปีครึ่งไม่สิ้นหวัง อย่างน้อยปีนี้ต้องพยายามหน่อย

- Bootstrap , Angular.js (ONUTZ Generator) [Completed!]
- ทำของขายลง Unity Asset Store (Introloop, EditorControlPanel) [ใกล้แล้ว!]
- ฝึกพิมพ์ Colemak
- เรียน Amazon Web Service (Thapster Level Ranker, Duel Otters 2.0)
- เรียน Node.js/Ruby on Rails (Thapster Level Ranker, Duel Otters 2.0)
- อยากออก EP ของตัวเองในปีนี้ แล้วก็ฝึก Mix down ให้มันพอฟังได้แบบซีดีที่ขายๆกัน
- อยากฝึก Mix down เสียง vocal (Project T5)
- JLPT อยากได้ N3 ต่อไปจะได้แปลเกมตัวเองเป็นญี่ปุ่นกับแต่งเพลง Vocaloid ได้ (Project Kanji)
- ทำมิวสิคเกมเป็นของตัวเอง (Project Mel, Project Spaceship)
- ทำเกม Steam เป็นของตัวเอง (Project Rain, Project Theory, Project Sonha)
- ฝึก Anatomy อยากวาดคนที่ดูเข้าท่าเป็น (Project Mel)
- ฝึกทำราเมงกับบราวนี่ กลับไทยอาจจะอยากค้าขาย
- อยากทำฮาร์ดแวร์ Midi controller ที่ไม่กากเป็นของตัวเองไว้ใช้เอง แล้วเปิดขายทางเน็ตแบบสั่งทำอันต่ออันด้วย
- วาดการ์ตูนตัวนากให้เยอะแล้วรวมเล่มขายในงานตลาดนัดนักวาด อยากไปนั่งขายเป็นหนึ่งในนักวาดที่เคยเห็นในงาน ดูน่าสนุกดีเวลามีคนเดินมาชมผลงาน

โปรเจคมันเยอะจังฟระ แล้วแลปกับเปเปอร์วิจัยล่ะ 555

Wednesday, March 11, 2015

พายุ

*ยาวโคตร + ไร้สาระ

รู้ว่าไม่มีความสามารถ ไม่มีโอกาส ไม่มีเวลา ไม่มีโชค ไม่มีหวัง แถมไม่มีอนาคต

ถึงจะรู้แบบนั้นแล้วก็อยากจะดันทุรังทำอะไรไร้สาระ อะไรที่พอจะทำได้ มีเวลาน้อยแล้วไง มีน้อยแค่ไหนก็ควรลองจริงมั้ย น้อยแค่ไหนก็ ควรจะลองจริงมั้ย หรือนี่มันน้อยไปป่ะวะ

และแล้วก็ประจำเลย ตลอดเลย ทำอะไรไม่เคยจะเข้าทางที่คิดไว้เลย

Wednesday, January 7, 2015

[Live Blog] เดือนมกราคมกับ Rayark Artist Collaboration 2014

คำเตือน : โคตรยาว ยาวเหี้ยๆ ไม่เคยเขียนอะไรยาวขนาดนี้มาก่อน เพราะเขียนเดือนนึงเลย

Live blog กลับมาอีกครั้งแล้ว!! (มันคือ blog entry ที่เราจะเข้ามา edit มันเพิ่มเรื่อยๆไงล่ะ)

ครั้งที่แล้วที่ทำคือวันที่ 30 สิงหาคม 2013.. (http://pyasry.exteen.com/20130830/live-blog) คือกำลังพยายามทำเพลงส่งงาน Rayark Artist Collaboration 2013 อยู่นั่นเอง ครั้งนี้ก็เช่นกัน! Rayark Artist Collaboration 2014 จะหมดลงในสิ้นเดือนนี้แล้ว และคราวนี้เราจะไม่ไปปั่นนรกดาบหน้าแบบครั้งที่แล้วอีก ดังนั้น Live blog ครั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ไปเลยย ขนาดเพิ่งเริ่มก็พบว่าการแต่งเพลงเป็นเรื่องปวดหัวเหมือนเกม puzzle ชิ้นใหญ่มาก แต่เอาจริง ถึงขนาดตัดสินใจหยุดอัพเดทโปรเจคตัวนากท้าดวลไถไปเดือนหน้าทั้งหมด


2014 -> 2015



ปีใหม่ปีนี้น่าจะเป็นปีแรกเลยล่ะมั้งที่มองไปรอบๆตัวไม่มีคนรู้จักเลย

เรื่องคือมาเล่นสโนว์บอร์ดกับเพื่อนๆ โดยมีนักเรียนไทยมาจากหลายๆที่มาเล่นด้วยกัน แต่ขากลับ ไม่กลับนาราแต่ติดรถไปโตเกียวแทนเพราะจะได้ลองไปงาน Comiket ครั้งแรกในชีวิตดู ได้เจอศิลปินมิวสิคเกมตัวจริงสมใจเลยล่ะ

ทีนี้อยู่ต่อนานก็ไม่ได้เพราะไม่มีที่อยู่ ไม่มีตัง แถมต้องกลับไปเคลียร์งาน!! (สองวันที่ผ่านมานอนบ้านรุ่นพี่) ก็เลยซื้อตั๋วรถกลับวันที่ 31 ตอนสี่ทุ่มครึ่ง... นั่นแปลว่าปีนี้จะไม่ได้เคาน์ดาวน์หน้าจอทีวี หรือรอบๆตัวมีญาติพี่น้อง แต่อยู่คนเดียวบนรถเมล์

ตอนนี้เที่ยงคืนญี่ปุ่นแล้ว บนรถไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น.. มีแต่ความเงียบ ปีนี้ได้นั่งคิดเอาเองในใจ "สวัสดีปีใหม่!"

สิ่งใหม่ที่รู้สึกได้เพราะความเงียบนี้ ได้นึกได้คิดถึงคนสำคัญ ใครบ้างที่เราอยากบอกสวัสดีปีใหม่ตรงหน้า แต่ไม่เคยได้ทำ แต่ทำไม่ได้ หรือทำได้แต่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน ถ้าเกิดขึ้นจริงบรรยากาศจะเป็นยังไงกันก็ได้แต่ลองคิด

ปีนี้เป็นปีแห่งจุดเปลี่ยน เราออกจากงาน เรานั่งทำเกมทั้งวันเป็นเวลา 3 เดือนจนเกมเสร็จออกขาย เราได้ฝึกขายฝึกทำการตลาดด้วยเกมที่เราเป็นเจ้าของ 100% และเราได้มาญี่ปุ่น ประเทศที่อยากได้ภาษา อยากมาสัมผัสประเทศแห่งเกม มิวสิคเกม และดนตรีโดจิน ได้สัมผัสแล้ว แถมเพื่อนๆตามมาเที่ยวถึงที่ด้วย สนุกมาก

ถึงช่วงไฮไลต์คือ New year resolution..

เหมือนจะจำได้ลางๆว่าปีที่แล้วมีแต่งเพลง

แต่ตอนนี้ผลงานยังไม่ออกมาเลย อยากอ้างว่างานเยอะ เตรียมมาญี่ปุ่น ต้องทำเกมต้องดูแลเกม ต้องวิจับ แต่ยังไงก็อยากมีผลงานเพลงบ้างอยู่ดี ต้องทำทุกอย่างให้ได้เร็วกว่านี้จะได้มีเวลาลองฝึกทำเพลง

ดังนั้น.. ปีนี้ขอสองข้อ
1. ออก Digital Album ที่มีเพลงตัวเอง
2. ภาษาญี่ปุ่นระดับเล่นเกมกับอ่านการ์ตูนจบได้

อวยพรให้คนที่กำลังอ่านเอนทรี่นี้ ใช้ชีวิตในปีถัดไปอย่างที่ต้องการ เราไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายของอะไรก็ตามคือเมื่อไหร่ ทำทุกอย่างให้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่านั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผ่านไปแล้ว ริเริ่มอะไรในปีนี้ขอให้สำเร็จด้วยดีครับ
บล๊อคนี้ก็ยังดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆในปี 2015 นี้ครับ..

ปล. ที่จริงพิมพ์บนรถแต่ที่เพิ่งมาอัพวันนี้เพราะแอพ blogger มันกาก แค่โพสเอนทรี่ใหม่ยังไม่ได้เลยไม่รู้คนพัฒนาตายหมดยัง