วันนี้เรียกได้ว่าเป็นวันที่ยาวนานและให้อะไรหลายอย่างที่สุดในเกือบสองปีที่อยู่ญี่ปุ่นเลยก็เป็นได้...!
เริ่มจากประเทศนี้มันเจ๋งตรงที่มีงานอะไรแบบนี้เรื่อยๆ ซึ่งดูจากทวิตเตอร์คือมันกระตุ้นคนสร้างสรรค์ได้ดีสุดๆ M3 นี่มันเป็นงานแค่วันเดียวจาก 11 โมงเช้าถึงบ่าย 3 ด้วยนะ แล้วมันทำให้ทุกๆคนเตรียมอัลบั้มเตรียมอะไรมาขายได้ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้วเลยทีเดียว!
ครั้งนี้แตกต่างตรงที่... พอจะรู้ตัวว่าตุลานี้ถ้าจะจบไปแล้วโอกาสมางานแบบนี้คงจะยากขึ้นมากเพราะตัดสินใจบินมาญี่ปุ่นเพื่อมางาน 1 วันที่ยาวแค่ครึ่งวันก็คงคิดหนักสุดๆ (ที่จริงแบบอยู่นี่ก็ค่อนข้างจัดเวลายากละ) แล้วก็คอมิเก็ตทีไร M3 ทีไรก็เห็นเพื่อนๆเตรียมของขายกันสนุกสนานทุกที เลยอยากไปเห็นกับตาซักครั้งว่ามันจะเป็นยังไง
แล้วรอบนี้ มีเพื่อนหลายคนออกของสำคัญของตนเอง หลายๆคนเป็นคนไม่มีชื่อเสียงที่รู้จักมาจากงาน Mumeisen ซึ่งก็อดไม่ได้ที่จะเทียบว่างานนั่นมัน 1 ปีที่แล้วนี่นะซึ่งเป็นงานของคนไร้ชื่อที่ไม่รู้จักกันเลย ปีนึงเติบโตมาได้จนออกอัลบั้มขนาดนี้ และรู้จักกันหมดขนาดนี้ อยู่บูทเดียวกันขนาดนี้ได้ยังไง
ก็เลยตัดสินใจจะไปโตเกียว 1 วันไปกลับเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ซึ่งกังวลมาก!! เพราะเป็นครั้งแรกเลยที่จะโดนบังคับให้ใช้ภาษาญี่ปุ่นแบบไม่มี fallback เป็นอังกฤษเหมือนตอนอยู่แลป จะคุยรู้เรื่องมั้ย คนที่ในทวิตเตอร์ไลค์โพสต์ภาษาญี่ปุ่นแกรมม่าแปลกๆของเราตัวจริงจะเกลียดเรารึเปล่า ฯลฯ
มีปลั้ก ปั่นเพลงต่อบนรถได้ |
และแล้วก็นั่งรถมาถึงโตเกียวและนั่งรถไฟมาถึงงาน บนรถไฟ เริ่มสังเกตเห็นคนบางคนที่หอบกล่องลูกฟูกสีน้ำตาลมา และยืนคุยกันอยู่ คือเรามาเวลา 7 โมงเช้ามันเป็นเวลาที่เซอร์เคิลกำลังมาพอดีไม่ใช่เวลาของคนทั่วไป เรียกได้ว่าเห็นบรรยากาศตั้งแต่บนรถไฟ ซึ่งก็ sync กับทวิตเตอร์ที่หลายๆคนทวีตอย่างตื่นเต้นว่าอยู่บนรถสายนั้นสายนี้แล้วนะ! ยิ่งกว่านั้นบางคนบอกตอนอยู่ขบวนเดียวกันกับเราแล้วอดมองซ้ายขวาไม่ได้ 555
ซึ่งความรู้สึกสุดยอดแรกคือที่นี่มีแต่นักดนตรีทั้งนั้น ไม่เหมือน Comiket ที่ส่วนมากเป็นนักวาด
ขณะที่ยืนมองป้าย “ทางเข้าออกของเซอร์เคิล” แล้วได้ยินทีมงานบอกว่า “คนธรรมดามาทางนี้นะครับ!” แล้วก็เริ่มรู้สึกเศร้าและมีไฟแปลกๆ.. อยากเดินเข้าประตูนั้นจัง เปิดดูทวิตเตอร์ เห็นเพื่อนหลายๆคนทวีตกำลังเตรียมโต๊ะกันสนุกสนาน คือไม่มีใครเซ็งเลย ยืนตากฝนข้างนอกรองานเปิดตั้งแต่ 9 โมงถึง 11 โมงก็ติดตามความเป็นไปเรื่อยๆจากทวิตเตอร์ (จริงๆไม่ต้องมาต่อคิวขนาดนี้ก็ได้เพราะงานนี้แม้แต่คนดังๆก็นานกว่าจะขายหมดไม่เวอร์เหมือนคอมิเกต)
คนที่จัดบูทเสร็จแล้วหลายๆคนก็เดินไปทักทายกันรอเวลา 11 โมง ตรงนี้รู้สึกได้ถึงความ epic ที่แบบ เทพเดินไปทักกัน อะไรงี้ แลกนามบัตรกัน ซึ่งหลายๆคนมีชื่อเสียงที่ได้ลงเพลงในมิวสิคเกมบ้าง หลายๆคนเห็นทวีตบ่อยบ้าง หลายๆคนออกเพลงรัวๆจนน่าสงสัยว่าวันๆทำไรบ้าง มาตื่นเต้นกันวันนี้ได้เพราะมั่นคงกับสิ่งที่ตัวเองทำ..
พองานเปิดก็เข้าไป บรรยากาศค่อนข้างเดินสบายและคึกคักกำลังดี แทบทุกบูทมีคนประมาณ 1 คนหรืออีกคนต่อท้ายคิวอยู่
ดูจากแคตตาลอคที่ซื้อมาก็เลยเดินไปเช็คบูทเพื่อนตามแผน บูทแรกลองไป AVR Records ที่มีคุณ mossari ที่ชนะเลิศงาน mumeisen อยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามว่าคนไหนคือเขาเพราะคนต่อคิวเยอะ แต่ก็ซื้อเพลงมา
ต่อมาไปหาคุณ Jun Kuroda ซึ่งเขาก็จำได้ว่าเคยนัดมาเล่นเกมกับโม้ภาษาอังกฤษกันที่โอซาก้า เขายื่นแผ่นเพลงอัลบั้มใหม่มาให้ทันทีแบบยังไม่ทันได้บอกอะไรเลย! แต่ก็ยืนยันจะจ่ายตังให้ได้ 55 อีกอย่างมีโปรโมชั่นเปลี่ยน digital download ที่ซื้อไปแล้วทางเว็บ Booth เป็นแผ่นของจริงได้ ซึ่งก็ตกใจที่เขามีรายชื่อคนที่ซื้อไปแล้วทั้งหมดปริ้นต์มาไว้กับตัวแล้วแมร่งเห็นเมลเราลอยอยู่ 555 คือคนนี้ทำเพลงดีมากนะ แต่ไม่คิดว่าคนซื้ออัลบั้มแรกจะน้อยขนาดปริ้นต์พอในกระดาษ A4 ได้ แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าเว็บออนไลน์มันจะจำเมลทุกคนไปบอกคนขาย (ตอนซื้อนี่ก็กดๆไปโดยไม่ได้คิดว่าอยากให้เจ้าตัวรู้หรอก) คนนี้มากับเพื่อนอีกสองคนคือ hano กับ Cosine ที่อยู่สายเพลงเดียวกันคือเพลงออกเพลงฟัง ลวดลายเยอะ และมิกซ์ออกมาดีไม่แพ้อัลบั้มสากล กลิ่นมิวสิคเกมแค่เล็กน้อย
ต่อมาก็เลยไปบูทข้างซึ่งเป็นดงเทพอีกบูท มีคุณ ああああ ที่แต่เพลงประกายแวววับก็ได้ แต่งเพลงดาร์คๆก็ได้ ออกเพลงรัวยังกับเสกเพลงได้ เคย collab กับหลายคนมากจนคิดว่าอยู่บ้านเดียวกันกับทุกคนและยังมีผลงานใน Pop’n Music ด้วยนะ คุณ Hino Isuka ที่รู้จักมาจากงาน BMS Touhou ปีที่แล้วและ BOFU ปีที่แล้วที่ตามมา ติดในอัลบั้ม Groundbreaking ด้วยนะ กับคุณ Umecha ที่แต่งเพลงน่ารักแต่แพรวพราว
รู้จากทวิตเตอร์แหละว่าวันนี้วันเกิด Umecha ซึ่งก็แฮปไปแล้ว แต่ก็แฮปอีก 555 คือบนโต๊ะมีคนวาดภาพมาแฮปให้เป็นตัวละครหมา SDVX ที่เป็น avartar ทวิตเตอร์ของเขา เห็นแล้วก็น่ารักดี บูทนี้มาซื้อซิงเกิลใหม่ของคุณ Isuka ซื้อเสร็จแล้วก่อนไปก็เลยรวบรวมความกล้าหยิบนามบัตรออกมาให้ ซึ่งหลายๆบูทไม่ได้วางนามบัตรไว้ให้หยิบเป็น default แต่เขาเอาไว้แลกกับนักแต่งเพลงที่รู้จักเท่านั้นเลยเก็บไว้กับตัว
พอให้ไปปุ๊บก็ตกใจที่ตกใจกัน!! เห็นอุทานกันว่าเฮ่ย! คนนี้ๆ! แล้วเอาไปบอกกันในบูทแล้วก็เฮ้ย!ๆๆ กันก็ตกใจที่จำเราได้ขนาดนั้นเลยเหรอ คือแต่ละคนมี Follower ระดับพันคนหมดไม่คิดว่าจะเห็นเราที่ทวีตนานๆครั้งแล้วก็ไม่ค่อยได้คุยกันได้ คือกับกลุ่มนี้เป็นเพื่อนห่างๆสไตล์ติดตามผลงานมากกว่าไม่ใช้หยอกหัวเล่นกันทุกวันแบบเพื่อน Mumeisen แต่ก็ดีใจที่ตกใจกับชื่อเรากัน 555 หลักๆน่าจะเพราะนามบัตรใช้ดีไซน์เหมือนตัวใน Twitter ด้วย ซึ่งที่นี่คนเปลี่ยนรูปกันน้อยมาก แทบทุกคนใช้ภาพเดิมมาหลายปีจนเป็นหน้าของคนๆนั้นไปแล้ว ตรงนี้สำคัญที่จะเอามันออกมาที่นามบัตรด้วย
โดยเฉพาะนามบัตรของคุณ ああああ ที่ได้มานี่โคตรกวนตีน เห็นจะๆว่าเพิ่งปริ้นต์ A4 มาใช้กรรไกรตัดเบี้ยวๆแต่มีทีเด็ดที่ชื่อเขียนเองให้ทุกๆคนด้วย (ได้ข่าวว่ามีบัตรแรร์ที่ชื่อตัวอักษรสุดท้ายผิด เห็นตอน “จั่ว” ออกมาให้เราแล้วลุ้นอะไรกันอยู่ 555)
ต่อมาไปบูทสำคัญอีกบูทคือ Kuroshiro ซึ่งเป็นทีม BMS ที่แข่ง BOFU ของเพื่อน Mumeisen สองคนคือ Re:gats& กับ tanacoro และมีอีกคนนึงมาร่วมคือ Nego_tiator กับนักทำกราฟฟิค mush และนักวาดตัวละครผู้ชื่นชอบฟรานจังอย่างมากชื่อมุซาโอะที่วาดตัวละครให้เพลง Dark Sky ของ tanacoro ทีมนี้เราเป็นตัวละครลับทำ MV ให้เพลง Whiteout ของ Re:gats& เพราะฟังแล้วชอบ ฟังแล้วก็สงสัยว่าแต่งดีขนาดนี้ทำไมไม่ดังซะทีหว่า แต่เสน่ห์ของโดจินชิกับงานเล็กๆอย่าง Mumeisen มันคือตรงนี้แหละที่ได้ discover คนแปลกใหม่ ความคิดใหม่ๆ ไม่ใช่เป็นแฟนบอยบูชาเทพอย่างเดียวเหมือนสมัยที่เล่นแต่มิวสิคเกม
ซึ่งวันนี้พวกเขาออกอัลบั้มหล่อมากที่มีเพลง BOFU เวอร์ชั่นเต็มของทั้งสามคน 3 เพลง และเพลง Solo ยาวเต็มใหม่เอี่ยมของแต่ละคน 3 เพลง และเพลง Collab เป็นคู่สามเพลงสามคน 3 เพลง และปิดท้ายด้วยเพลง Collab ทุกคนในทีมอีกเพลงรวมเป็น 10 เพลง คือส่วนตัวคิดว่าเป็นอัลบั้มที่ทำดี คอนเซ็ปต์เท่มากจนไม่ซื้อไม่ได้แล้ว เพลงที่ไม่เคยฟังก็มีเยอะมาก (หลายๆคนอัลบั้มเกิดมาจากเพลงที่เคยเอาลงโน่นนี่มา extended ไม่ก็รวมกองกำลัง remix จากเพื่อนๆให้เต็มอัลบั้ม)
ตอนแรกก็ป๊อดๆแหละ ไปแอบยืนดูไกลๆก่อนว่าคนเยอะมั้ย
เห็นแบบสามคนนั่นตัวจริงเป็นครั้งแรก กำลังยืนซีดีให้ใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน คนมาซื้อก็ผงกหัวขอบคุณใหญ่หลังจากรับซีดีจากมือไป แล้วมันรู้สึกว่าเฮ่ยเจ๋งงงงว่ะ คือคนที่นี้มางานนี่ด้วยความเปิดใจมาก บางลูกค้าก็เห็นว่าคงเป็นเพื่อนที่รู้จักเพราะเห็นท่าทีไม่เป็นทางการ
และแล้วก็ถึงเวลาเข้าไปลุยครั้งแรกกับคนที่ interact ทางเน็ตมาตลอดอย่างเราแถมยังเป็นคนไทยมาจากไหนไม่รู้ ไม่รู้เขาจะแอนตี้รึเปล่า ทบทวนศัพท์คลังแสงที่เตรียมมาแรมเดือนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้าไปลุย
ก็เลยเดินไปดูซึ่งเขาก็ไม่รู้จักเราหรอก แต่หน้าเราก็ค่อนข้างเอเชียอาจจะเนียนอยู่ แต่พอลองพูดว่า เจอทีม Kuroshiro แล้ว..! Re:gats& ก็ตอบกลับมาทันทีว่า “หรือว่าจะเป็น!” ก็เลยเออได้เวลาเปิดเผยตัวจริงว่าเป็นซาก้อนเดส คนในทีมก็โอ้ววกันแล้วแลกบัตรกันก่อนที่จะได้ซื้อซะอีก ซึ่งเราก็จัด Full set ไป ได้ซีดีแถมโปสต์การ์ดสุดเท่มา เป็นทีมที่ทำเต็มสูบจริงๆ ไม่ต้องมีโปสต์การ์ดก็น่าซื้อแล้วนี่ยิ่งดี
บูทข้างๆก็เป็นอีกกลุ่มเพื่อนนึงคือ NA7 ผู้ชื่นชอบเอบินะจัง กับ minter ที่มาจาก Mumeisen และ muni รวมเป็นแก๊งค์ 7mm ซึ่งมารู้ทีหลังว่าจริงๆก็ไม่ได้รู้จักอะไรกับทีม Kuroshiro แต่ได้มาเจอกันเพราะเหตุผลคล้ายๆเราคือร่วมงาน Mumeisen มาด้วยกัน
คนต่อคิวเยอะก็เลยรีบแยกออกมา แต่ก็รวมความกล้ากลับไปถามอีกรอบเพื่อเพิ่มความต่อเนื่องให้เห็นว่าเราเป็นคนในทวิตเตอร์คนนั้นจริงๆด้วยการถามว่าปีนี้ BOF จะลงมั้ย ถ้าลงแล้วคน BGA ไม่พอก็บอกได้ เขาก็บอกว่าอยากจะลงอีกอยู่ แล้วเขาก็บอกด้วยว่าปีที่แล้วขอบคุณมากสำหรับ MV นี่! เพราะการทำผลงานให้กันแท้ๆแบบไม่หวังผลเอามันส์อย่างเดียวมันทำให้เกิดความสัมพันธ์พิศวงแบบนี้ได้เลยนะ แมร่งเจ๋งอะคือเจอกันครั้งแรกแท้ๆ ฟีลมันประมาณอยู่ด้วยกันมานานแล้ว
ทีนี้นัดกับคุณ .K ไว้ว่าจะมาเจอกันที่งาน ซึ่งก็เป็นอีกคนจาก Mumeisen เจ้าของเพลงเฮาส์ซีรี่ย์สีอย่าง .white เพลงนั้นไม่ค่อยชอบ 555 แต่เพลง .Brown ที่ลง BOFU ค่อนข้างชอบมาก คนนี้เดือนที่แล้วตอนงาน Nippombashi Festa ได้นัดเจอกัน จริงๆไม่ได้กะจะเจอกันหรอกแต่พูดหยั่งเชิงกันมานานแล้ว มันเริ่มจากเราก่อนที่พิมพ์ลอยๆไปแค่ว่า “อยาก collab กับคนญี่ปุ่นก่อนเรียนจบจัง” แล้วเขาก็มาไลค์ ก็เลยทักไปว่าไลค์แปลว่าอะไรกันนะ! แล้วก็คุยกันมาว่าซักวันมาคอลแลปกัน แล้วเพราะเขาอยู่โอซาก้าด้วย ต่อจากนั้นเขาเลยเริ่มพิมพ์ลอยๆว่าอยากเจออีซาก้อนนี่ก่อนจะไม่ได้อยู่โอซาก้า (คือมารู้ทีหลังว่าจะไปต่อมหาลัยในโตเกียว) นี่เป็นไงล่ะผลของการปัก flag ได้ผลแล้ว 555
คือการเล่น Twitter กับคนญี่ปุ่น เขาเป็นคนที่ open มากแต่ขณะเดียวกันก็ค่อนข้างขี้เกรงใจด้วย โดยเฉพาะคนต่างชาติแบบเรา วิธีคือเราต้องปัก flag บ่อยๆแบบนี้ครับ แบบพูดอ้อมๆ ลอยๆบ่อยๆ อยากเจอน้าา เพลงคนนั้นเทพจังน้าา ท่อนนี้เครื่องดนตรีอะไรหว่า พิมพ์อะไรแบบนี้ทีไรรู้สึกว่าความสนิทกับคนนั้นเพิ่มขึ้นแล้วเขาก็ไม่รีรอที่จะมาอธิบาย
วันนั้นพอดีมีงานคอสเพลย์ที่โอซาก้าก็เลยนัดโคตรด่วนทาง DM ไปว่าเจอกันวันนี้เลยเป็นไปซึ่งแมร่งออกจากบ้านมาหาจริงๆ ตัวจริงดูเป็นคนขี้อายกว่าที่คิด แต่ก็เล่นเกมด้วยกันแล้วเป็นเพื่อนกันได้หมดมิวสิคเกมเมอร์ 55
มาถึงวันนี้ก็ได้ทักกันว่าไม่ได้เจอกันนาน และเดินบูทด้วยกันโดยให้เขานำไปบูทที่อยากไป เขาเป็นสาย prog house ก็เห็นเดินเก็บแผ่นเฮาส์ แถมยังมีเพลงติด music label แล้วด้วยนะจากที่คุยกัน คนนี้ส่งเพลงไปร่วมในอัลบั้ม XVideo สุดแนวกับคอนเซปต์สุดเสียวตามชื่อ แล้วแมร่งโหดที่ว่าเอา Crossfade ไปอัพในเว็บโป๊ด้วย 55555 ก็เลยบอกเขาว่าเห็นยังเพลงตัวเอง อยู่บูทนั้นแน่ะ 55 เขาบอกว่าไม่กล้าเดินเข้าไปซื้อเพลงตัวเองเลย 555
จากนั้นก็เดินไปอีกตึกเพื่อไปหาอีกคนที่รู้จักกันหลวมๆจากงาน “ทำ BMS เยอะๆ” ชื่อคุณ Sakamiya มารู้จักกันง่ายๆก็แค่เล่นไฟล์ BMS นั่นแหละ แต่คนนี้มีสิ่งไม่ธรรมดาคือเขาทำเพลง J-Pop ที่ฟังแล้วเหมือนย้อนเวลาไป 10 ปี หลายๆคนอาจจะตีเป็นคุณภาพต่ำ แต่เราว่ามันเท่มาก ฟังแล้วความรู้สึกสมัย Mumei กลับมาเลย ซึ่งก็ตามคาด คนนี้ใน SoundCloud มีฟอลโลว์ระดับหลัก 10 คน ซึ่งเราเห็นว่าการเสพงานโดจินชินี่สำคัญมากที่จะเปิดใจให้คนไม่ดังแต่เห็น potential ในเพลงได้แบบนี้ก็เลยฟอง SC กับ Twitter ไป เขาก็ฟอลกลับมาตามธรรมเนียม
จากนั้นก็ไม่ค่อยได้คุยกันมากแต่เขาก็คงรู้ตัวอยู่ว่าเพลง SC ที่มีไลค์ระดับหลักหน่วยนี่มีชื่อเราแทบทุกอัน (คือไม่เยอะมันคงเห็นง่ายน่ะ 555) คนนี้อุดมการณ์ตรงกับเราอย่างนึงคือ “ทำเพลงเศร้า” ถึงกับเขียนไว้ในคำอธิบายเซอร์เคิลของตัวเอง Dipathos เลย ซึ่งเราก็ใช้แต่ minor chord มาตลอดเหมือนกันเลยปัก flag ด้วยการไลค์ SC แล้วทวีตว่าเพลงไมเนอร์นี่เจ๋งจริงๆ ซึ่ง flag ได้ผลเพราะเขามาไลค์แล้วตอบว่า มันเจ๋งจริงจริงงง! (เป็น reply แรกที่ได้) ก็เข้าทางเรา เปิดบทสนทนาต่อว่า M3 เดี๋ยวไปหาจริงๆนะเออ แล้ววันนี้ก็เลยได้เดินไปหากับคุณ .K ด้วยกันและซื้อแผ่น EP มาซึ่งอันนึงฟรี อีกอัน 300 เยน (ราคาปกติคือ 1000 เยนสำหรับเพลงเต็มแผ่น อันนี้มี 4 เพลง)
กลับมาที่ตึกเดิมต่อมาได้ไปหาคุณ omi ซึ่งมาจาก Mumei กับ BOFU เช่นกัน คนนี้ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นคนแอคทีฟขนาดนี้เพราะเห็นใช้ avatar ที่ค่อนข้างโอตาคุเหอๆ ตอนแรกก็ไปซื้อแผ่นแล้วถามว่า omi รึเปล่า คนขายก็บอกว่าเนี่ย นั่งอยู่ข้างหลัง ก็เลยแนะนำตัวแล้วยื่นนามบัตรให้ แล้วเขาตกใจใหญ่เลยว่าเฮ้ย! มาได้ไง 555 คือคนนี้ไม่ได้คุยกันซักครั้งเลยจริงๆ เสร็จแล้วเห็นทวีตด้วยว่าซาก้อนมาหาที่บูทแล้วความตื่นเต้นยกระดับจนมือสั่น 55
ตอนนี้รวมๆก็เจอกันครบแล้ว เหลือแต่คนที่เห็นในทวิตเตอร์ว่าจะนัดเจอกันแต่ยังไม่เจอคือคุณ Umiai เจ้าของเพลง genre Short Story แต่งเพลงเอง เนื้อเรื่องคิดเอง มี MV โลกส่วนตัวอีกต่างหากแถมเขียนเว็บเก่งด้วย ในทวิตเตอร์ค่อนข้างเป็นคนบ้าๆบอๆ และรู้จักกับคุณ Street นักแต่งเพลงชื่อดังอย่างไม่น่าเชื่อ ทักไปว่าอยู่ไหนนานแล้วก็ไม่ได้ตอบ
ระหว่างนี้กลับไปหา Kuroshiro เพราะได้ข่าวว่ามีแจกลายเซ็นแมวเหี้ย 555 อีแมวนี้เป็นแมวของ Re:gats& ที่เอาไว้เกรียนเวลาอยากพิมพ์ว่าคิดเพลงไม่ออก จนเห็นได้บ่อยๆใน MV หลายเพลงที่กะเอาฮาใน BOFU และงานทำ BMS เยอะๆ ไปถึงได้แมวสมใจ รักษายิ่งชีพ 55555
คุณ Umiai ไม่มาซักทีแต่อยู่ๆก็มีคนที่ไม่คาดคิดคือคุณ Renpul ทักมา! คนนี้ก็ Mumeisen เหมือนกันโดยเป็นเจ้าของเพลง Detour (glitch hop) แต่คงเห็นฟีด Twitter แล้วคิดว่าอยากเจอตัวแรร์อย่างเราเลยทักมา ดีใจมากที่มีคนอยากเจอก็เลยบอกพิกัด แล้วก็ได้มาเจอกันจริง คนนี้สมัยเสร็จ Mumei มันมีอัลบั้ม compilation คนนี้เลือกรีมิกซ์เพลง Exargon ของเรา ดีใจมาก แต่ตอนนี้อัลบั้มก็ไม่ออกมาซะทีจนได้พูดหัวเราะกันว่าสงสัยเน่าสลายไปแล้ว 555 ซึ่ง .K ก็เพิ่งเคยเจอ Renpul ครั้งแรกเหมือนกัน
ตอนนี้ปาร์ตี้เพิ่มขึ้นเป็นสามคนมี .K กับ Renpul ก็เลยพาไปหาเพื่อนที่ไปมาแล้ว ก็เลยได้รู้ความจริงหลายๆอย่างว่าแต่ละคนที่หัวกันใน Twitter นี่ที่เราคิดว่าคงได้รู้จักกันเจอกันบ้างแล้วเพราะอยู่โตเกียวเหมือนกัน (แถมยังมีทำเพลง collab ใหญ่โตอย่าง Diamond Condenser ด้วยแน่ะ) จริงๆคือไม่เคยเห็นหน้ากันเลยทั้งนั้น คุณ .K ไปหาคนไหนก็แนะนำตัวแบบเพิ่งเคยเจอหมด ซึ่งคุณ Renpul ก็ดูจะรู้ดีว่าแมวนี้มันคืออะไรก็ได้ลายเซ็นมาเหมือนกัน (ต่อจากนั้นทุกคนก็แห่กันมาขอลายเซ็นแมวนี่กันหมด)
บอก Umiai ไว้ว่าให้มาที่บูท Kuroshiro ในที่สุดเขาก็มาจริงๆ!! ตัวจริงดูเป็นคนน่ารักอัธยาศัยดี แบบเจอเราแล้วดีใจใหญ่เลย แลกนามบัตรกัน แล้วได้คุยกันไปถึงตั้งแต่สมัยเพลง Mumeisen โดยเราก็มี impression ว่าเพลงคนนี้เหมือนเพลง touhou เลย ก็ได้คุณ Renpul มาเสริมว่า brass ตรงนั้นดังไปหน่อยนะ แล้วก็ทำให้บทสนทนาไปต่อได้ว่าใช้ VST ตัวไหน ฯลฯ... ทุกคนไม่เคยเจอกันเลยนะ แต่เพราะผลงาน ทุกคนเสพผลงานของกันและกันอย่างตั้งใจ เลยจำมาคุยกันได้จนวันนี้ เจ๋งดีนะ
แซวไปขำๆว่าทำทุกอย่างได้ขนาดนี้ไม่ลองทำอนิเมเลยเหรอ เขาก็บอกด้วยว่า Kikansha ทีมเราก็วาดเก่งนะ! คือเวลาคนญี่ปุ่นจำอะไรของเราที่ไม่น่าจะน่าจำได้นี่มันประทับใจ
และเขาก็หยิบไม้ตายออกมาคือแผ่นเพลงลับ...! หลายวันที่ผ่านมาเห็นบ่นในทวีตว่ามิกซ์ไม่ได้ๆ รัวๆ คงจะเป็นนี่แหละ คือเป็นแผ่นขาวๆกับโปะหน้าด้วยกระดาษธรรมดา เขียนไว้ด้วยว่าของขวัญ คือคงตั้งใจทำมาแจกคนที่เจอในงานนี้จริงๆ สุดยอดจริงๆสปิริต ได้เพลง Unreleased มาฟังก่อนสาธารณะชนกันถ้วนหน้าทั้งปาร์ตี้
หลังจากนี้ก็พาปาร์ตี้ที่เพิ่มเป็น 4 คนแล้วไปวนหาบูทอื่นที่ไปมาแล้วอย่าง omi อีกรอบ ตอนแรกคิดว่ารู้กันว่าใครอยู่นี่บ้างแต่ก็ไม่เลย Renpul กับ Umiai ก็ไม่รู้ว่า omi อยู่ ส่วน omi ก็ไม่รู้ว่า Re:gats& อยู่ กลายเป็นวันรวมญาติ Mumeisen ที่ไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้นพาคุณ Umiai ไปหา Jun Kuroda แล้วก็มายืนคุยกันอีกนิด ซึ่งลาก omi โดดบูทตัวเองออกมาคุยด้วย ซึ่งเราก็ฟังแทบไม่ทันแต่มีฮาตรงนึงที่เรื่องวนมาที่ทีมเราว่า flicknote ก็เจ๋งนะเขียนเว็บทำเพลงได้ แต่โน้ตเพลงนี่... อืม!! 555 คือเห็นหน้าทุกคนแล้วก็พอรู้ว่าพูดถึง Exargon ระดับ Hyper อยู่
ที่อยากเจออีกสองคนคือ Myshrd กับ はがね ที่นัดกันไม่ถูก คนแรกนี่เวลามางานจะแปลงร่างเป็นมนุษย์เบสบอล ก็เลยอยากเจอตัวจริงแต่ปรากฎว่ากลับบ้านไปแล้ว อีกคนนัดไม่ทันครับ
ตบท้ายด้วยการไปสอยแผ่น "เดดไลน์ 24 ชม. Compilation + Pray for Kumamoto" อัลบั้มบ้าพลังที่ประกาศและปิดรับสมัครใน 24 ชม. แถมดันมีคนบ้าไปด้วยตั้ง 100 กว่าเพลงแน่ ในอัลบั้มนี้มีเพลงจาก YuuSaKi นัก DTM ชาวไทยอีกคนเลยสอยไว้กลับไปให้ กับไปบูทบูทนึงที่เจ้าของบูทเป็นเจ้าของงาน Genre Shuffle มีเข็มกลัดแจกสำหรับผู้เข้าร่วมงาน ก็ตลกดีมีคนไทย 1 หน่อไปรับเข็มกลัด 555
มียากตรงนึงตอนแยกจากกันนี่แหละเพราะพอหมดเรื่องคุยแล้วเห็นได้ชัดสุดๆว่าแต่ละคน “ไม่รู้วิธีที่จะแยกออกจากกัน” ปกติมันต้องมีแบบห้าวๆซักคนเปิดมาว่า จากนี้คงต้องแยกกันแล้วแหละ! อะไรงี้แต่ด้วยความที่เพิ่งเคยเจอกันอาจจะยากสำหรับคนญี่ปุ่น อึกอักกันนานคุณ omi ก็เลยเปิดด้วยการบอกว่าขอกลับไปเฝ้าบูทก่อนนะ แล้วเราก็เลยบอกด้วยว่าเดี๋ยวคงกลับแล้วก็เลยแยกออกมา.. ขึ้นรถไฟกลับไปรอรถทัวร์กลับโอซาก้า (มาถึงเช้าวันนี้ กลับเที่ยงคืนวันนี้ ตอนขามานอนไม่หลับเลยทนไปงานทั้งอย่างนั้น ขากลับนี่หลับสบายเลย)
เหตุการณ์วันนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ มันมหัศจรรย์ที่ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้เกิดขึ้นได้เพราะ “ผลงาน” ที่โยงทุกคนเข้าด้วยกัน นี่แหละคือ core จริงๆของระบบ doujinshi ของที่นี่ ผนวกกับทวิตเตอร์ที่สามารถร้อยเรียงเรื่องราวของแต่ละคนเข้าด้วยกันหลวมๆได้ตามสไตล์คนญี่ปุ่นที่ไม่ต้อง direct มาก และปิดท้ายด้วยงานรวมตัวกันอย่างงาน M3 นี้ทำให้ได้มาเจอกันจริงๆ จบครบวงจรจริงๆครับสำหรับแรงจูงใจในการสร้างงานของประเทศนี้
ได้เจอกันได้หัวเราะตกใจตื่นเต้นกันในวันนี้ทั้งๆที่เป็นครั้งแรกที่เจอกันจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยสำหรับคนปกติ แต่สำหรับ doujinshi creator มันเป็นความมหัศจรรย์ที่ได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้วในวันนี้เป็นครั้งแรก ถึงตัวเองจะไม่ได้ออกอัลบั้มอะไรเลยก็เถอะ แต่เพราะมีผลงาน เพราะร่วมงานมาด้วยกัน ในวันนี้แค่เจอกันครั้งแรกทุกคนก็ “ดีใจ” ที่ได้เจอเจ้าของผลงาน แล้วได้ถามโน่นนี่นั่น
ตอนมาที่นี่ปีแรก ก็มีความฝันอยากจะทำมิวสิคเกมอยู่แล้วนะ แต่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรพวกนี้จนกระทั่งตัดสินใจลง Mumeisen ตามคำแนะนำน้องไทด้วยเพลง Exargon เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องทั้งหมดจนมาเจอกันจริงๆวันนี้ได้เลย จนตอนนี้มันมาผนวกกับความฝันที่อยากทำมิวสิคเกมแล้วด้วย คือ อยากใช้เพลงของเพื่อนๆพวกนี้ในมิวสิคเกมของเรา อยากให้โลกรู้ว่านี่เพลงเจ๋งๆอยู่นี่ก็มีเหมือนกัน จริงๆติดต่อกันไปแล้วสามคนคือ Re:gats&, JK กับ はがね ตั้งแต่ตอนจบ Mumei ใหม่ๆปีที่แล้วเลยแต่ต่อมาก็ติดเรียนมากมายจนไม่ได้ทำเรื่องต่อ แต่ส่งเงินค่าใช้เพลงไปให้หมดแล้วเหลือแต่สัญญาที่ยังไม่ได้ทำต่อ ก็เลยไฟติดว่ามิวสิคเกมนี้ เราไม่ได้ alone แล้วนะ (เกมนี้ว่าจะทำคนเดียวเพราะเพื่อนในทีมอยากทำงานประจำมากกว่าอยากทำเกม) แต่เรามีเพื่อนๆนักแต่งเพลงมากมายที่อยากจะสนับสนุนให้ดังให้ได้ เกิดเป็นแรงให้ทำโปรเจคต่อไปได้เลยแหละ ถ้าเสร็จแล้วคงเท่น่าดู มิวสิคเกมที่มีบรรยากาศ Mumeisen เต็มเปี่ยม ใหม่สดและแปลกน่าค้นหา เต็มไปด้วยนักแต่งเพลง “next generation” !
หลังงานในทวิตเตอร์หลายๆคนก็ไปฉลองกัน คุณ Re:gats& ทักขอบคุณมาด้วยที่มาหา ซึ่งจริงๆเราก็ขอบคุณเหมือนกันที่ต้อนรับทั้งที่ตอนแรกตื่นเต้นมาก หลายๆคนถามหารีวิวเพลงที่ขายไปด้วย เดี๋ยวกลับถึงห้องได้เครื่องอ่านซีดีเมื่อไหร่จะรีวิวให้แน่ แผ่นที่ได้จากทุกคนในวันนี้กลับไทยไปคงเป็นระดับขึ้นหิ้ง คือหาซื้อทีหลังก็คงไม่ได้ด้วยแหละเพราะมีแต่ของคนดังๆที่จะกระจายมาขายตามร้านโดจินชิ
มีหลายๆอย่างที่อยากพูดอยากชมผลงานแต่ละคนแต่หาคำมาพูดไม่เจอ เรียกได้ว่าเป็นสอบวัดระดับญี่ปุ่นที่แท้จริงเลยแหละวันนั้น เจอกันครั้งหน้าต้องคุยให้มากกว่านี้ให้ได้ ตั้งใจเรียนญี่ปุ่น!! ฮีบบบ!!!
คิดได้ว่านี่แหละ... คือการเที่ยวญี่ปุ่นของเรา ที่เคยเสียดายว่ามาประเทศนี้ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเหมือนเพื่อนแต่มานั่งแต่งเพลงนั่งทำ MV อะไรไม่รู้ทำจากประเทศไทยก็ได้ไม่ใช่รึไง แต่มันก็มีอะไรของมันเหมือนกันซึ่งก็เห็นได้จากวันนี้แหละ คิดดูดีๆเที่ยวกลับมาทีหลังก็ได้ แต่โอกาสร่วมงานแบบนี้ถ้าไม่ใช่ตอนอาศัยอยู่ประเทศนี้คงยากที่จะไปมาแบบนี้ คิดว่านี่แหละสิ่งที่เราควรทำเมื่อมาอยู่ประเทศญี่ปุ่นแบบอยู่อาศัย คือ immerse ไปกับวัฒนธรรมโดจินชิด้วยการไม่ออกจากห้องไปไหนขลุกสร้างงานมืดๆตั้งแต่เช้ายันเย็น (ทำไมมันฟังดูไม่มีอนาคต) เหนื่อยก็ไถอ่านทวิตเตอร์ และทวีตเรื่องราวประจำวันไปกับพวกเขาเหล่านั้นซึ่งถ้าอยู่ไทยคงไม่มีอารมร่วมกันขนาดนี้เช่นตอนไหนหนาว ตอนไหนหิวราเมง ตอนไหนฝนตก ตอนไหนไปเล่นเกมที่ห้าง เป็นสิ่งที่ทำได้แค่เมื่ออาศัยอยู่ประเทศนี้ที่แท้จริงไม่ใช่การท่องเที่ยวที่มีเงินแล้วจะบินมาทีหลังก็ได้.... รู้สึกคุ้มละที่มาเรียนโทที่นี่ ว่าแต่นี่พิมพ์อยู่บนบัสขากลับตั้งแต่ตอนตื่นตี 5 ครึ่ง นี่ 7:40 AM แล้วอีก 10 นาทีรถถึง เตรียมลงละ เล่น DDR ยามเช้าซักตั้งก่อนกลับห้องดีกว่า...
No comments:
Post a Comment