Thursday, June 9, 2016

วันที่รู้สึกว่า "สำเร็จ"

เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ในที่สุดเพลง Ruination ที่แต่งส่งไปให้ Rayark Artist Collaboration 2014 เมื่อประมาณสองปีก่อนก็ได้ออกโรงในเกม VOEZ ซะที

ซึ่งอ่านเรื่องราวตอนแต่งเพลงนั้นไว้ได้ที่นี่ http://5argon.blogspot.jp/2015/01/live-blog-rayark-artist-collaboration.html กลับไปอ่านอีกทีรู้สึกหล่อ 5555 ตอนนั้นแมร่งโคตรสิ้นหวังเลย

สมัยปี 3 ได้เล่นเกม Cytus ซึ่งตอนนั้นมีอยู่ 3 Chapter.. บริษัท Rayark ก็กลายเป็น บ. ในดวงใจมาตลอด เป็น บ. ที่หล่อมาก ทำเกมแบบมีสไตล์มีคุณค่าไม่เหมือนทำออกมาหาเงินโต้งๆ มีเรื่องราวมีอะไรครบ แต่เหมือน บ. จะประสบปัญหาทำรายได้ไม่ดี เห็นหน้าที่ร้องขอให้ช่วยกันซื้อของแท้ แต่ผ่านไปเป็นปีเท่าไหร่ๆเลขก็ไปไม่ถึง chapter ต่อไปซักทีจนเราก็เที่ยวโฆษณาให้เพื่อนไปทั่ว พอขึ้นปี 4 ได้เริ่มคิดว่า เริ่มลองแต่งเพลงบ้างดีมั้ย ถ้าเพลงเราทำให้คนหลายคนได้เล่นสนุกกันแบบใน Cytus นี่ก็คงจะดีนะ.. แล้วก็ถ้าทำเกมเอง มีเพลงดั่งใจไม่ต้องจ้างใครก็คงดีเพราะเราเองก็เป็นคนติดเพลงเกม เกมไหนเล่นจบก็ต้องหาฟัง OST ตลอดเลยขณะเก็บเลเวลใน MMO อื่นที่เล่นอยู่


ก็คิดแบบนั้นเลยเริ่มตั้งต้นเอาจริงกับโปรแกรมแต่งเพลงใหม่ จากที่สมัย ม. เท่าไหร่ไม่รู้โหลด FL Studio มาวางกลองอุบชิๆ เปิดซินธ์ Sytrus แล้วงง ทำได้แค่เลือก preset เล่นแล้วสุดท้ายก็ลบโปรแกรมทิ้งไป ครั้งนี้ว่าจะเอาจริงซะทีว่าเสียงต่างๆมันสร้างมายังไง Synth อะไรมีอะไรให้หมุนบ้าง ถึงกับลามไปถึงคาบฝึก present ใน ม.เกษตร ที่ให้เสนอเรื่องอะไรก็ได้ ก็กลายเป็นต้องทำให้เพื่อนต้องทนฟังเรื่องเสียง ADSR อะไรก็ไม่รู้ที่กำลังนั่งงมจากเน็ตอยู่ แล้วก็ลามถึง Barcamp Bangkhen เหมือนกัน จากปีที่มาฟังอย่างเดียวก็เลยอยากพูดบ้าง พูดแต่เรื่องเสียง 555 ในปี 2013 มีงาน Rayark Artist Collaboration เลยได้โอกาสส่งไปแต่ก็ไม่สำเร็จ ตกรอบ ผ่านไปอีกปีมาปี 2014 ในที่สุดก็ได้รับเลือกจนได้ครับ ;____;

วินาทีที่ Ice เมลมาบอกว่า เราอยากใช้เพลงของคุณในเกมนี่ เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่รู้สึกว่าเพลงเรามีคนยอมรับอย่างเป็นทางการแล้ว เพลงที่ทำมาแมร่งมีคุณค่าแล้วว่ะ ยังไงก็ขอบคุณบริษัท Rayark อีกทีที่ให้โอกาสดีๆแบบนี้ครับ! (If someone from Rayark came across this, thank you Rayark for the wonderful opportunity, your game gave me big part of the will to start composing music!)

ซึ่งมันเป็นวันที่รู้สึกได้จริงๆว่าแมร่ง สำเร็จแล้ว!!

ในมุมมองของผู้ใหญ่ มันอาจจะเป็นวันจบการศึกษา วันรับปริญญา จริงๆเราก็เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงคิดแบบนั้นแล้วพยายามมาที่ ม. เพื่อแสดงความยินดี จัดกินเลี้ยงให้เรา ซึ่งเราก็ดีใจที่มีคนมายินดีด้วยนะ

แต่ลึกๆแล้วรู้สึกว่าเป็นวันที่ไม่ได้พิเศษขนาดนั้น เศร้าด้วยซ้ำเพราะจะไม่ได้มานั่งชิลกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนๆอีกแล้ว จะไม่ได้เจอเรื่องราวตลกโปกฮาบ่อยๆเหมือนเคยแล้วมากกว่า กลับเข้าเรื่อง คือไม่ได้รู้สึกถึงความสำเร็จเท่าไหร่เพราะจบตรีก็ไม่ได้เป็นเป้าหมายอะไรมาก เดินตามระบบมาตลอดเลย

พอมาเทียบกับวันนี้ที่เพลง (เริ่มฝึกมาตั้งแต่ประมาณตอนปี 3) ได้รับการยอมรับซะทีแล้วแบบ สุดยอดมากจริงๆ อีกวันนึงที่รู้สึกแบบนี้ก็ตอนคลิกปุ่ม Submit ปล่อยเกม Duel Otters เกมที่ออกแบบมาตั้งแต่ต้นแล้วเข็นออกมาจนเสร็จ วันนั้นเป็นคืนเงียบๆที่ผิดกับที่คิดไว้ ว่าวันปล่อยเกมจะมีปาร์ตี้ยิ่งใหญ่ มีกินพิซซ่า เมาค้าง.. โชคไม่ดีที่ทีมเกมเราไม่มี luxury ที่จะได้สัมผัสโอกาสนั้น ทีมทุกคนก็เตรียมไปทำงานประจำกันปกติ มีแต่เรารึเปล่านะที่ตื่นเต้นกดปุ่มอยู่ (อ่านเวอร์ชั่นเต็มได้ที่นี่ แต่ภาษาอังกฤษนะ : http://blog.exceed7.com/2014/09/my-very-own-night-before-release.html กลับไปดูแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อคีย์บอร์ดตัวนั้นแฮะ)

อีกสองวันก็ตอนที่ทำ MV เพลง Exargon เสร็จ กับตอนที่ได้ไปเจอกับคุณ Jun Kuroda กับเจอคนญี่ปุ่นเพื่อนแต่งเพลงที่งาน M3 ครั้งแรก รู้สึกว่าแมร่งงงชีวิตเจ๋งว่ะ! ประมาณนั้นจริงๆ ไปเที่ยวไหนต่อไหนไม่เคยรู้สึกขนาดนี้เลย เที่ยวที่แปลกๆก็รู้สึกดี แต่คงเพราะเหมือนว่าสะสมเงินถึงก็มาเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ก็เลยไม่รู้สึกพิเศษเท่า เหมือนไอ้จุดพีคๆที่ว่ามานี่ มีเงินกี่หมื่นกี่แสนก็คงไม่ได้ถ้าไม่ทรหดลากเลือดฝึกแต่งเพลง ร่วมกิจกรรม เล่นทวิตเตอร์ ฝึกภาษาญี่ปุ่น จนคนหลายคนที่ไม่รู้จักกันมาเจอกันในชีวิตจริงได้ขนาดนี้

หลายๆคนอาจจะมีวันแบบนี้แตกต่างกันออกไป เช่นวันที่ได้มีแฟนวันที่ได้แต่งงาน วันที่ได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานที่พยายามมา วันที่อบเค้กด้วยตัวเองชิ้นแรกเสร็จ วันที่ได้ถ่ายรูปคู่กับนักร้องที่ชอบ ส่วนตัวคิดว่าเรานี่ก็โชคดีนะที่ค้นพบเส้นทางสู่วันที่ว่าของตัวเองได้ มันเหมือนพบความหมายของชีวิตจริงๆ (ไม่งั้นก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม พยายามทำอะไรดี)

ก็ไม่มีประเด็นอะไรมากแค่รู้สึกพิเศษเหมือนชีวิตมาถึง checkpoint นึงที่มีความหมาย (มีความหมายคือแบบพอถึงแล้วรู้สึกได้ว่าถ้าชีวิตนี้ไม่ได้ทำก็คงจะเซ็ง) อยู่ต่อไป อยากเจอ checkpoint ที่ว่านี้อีกเยอะๆก่อนตาย ส่วนตัวต่อไปอยากได้ภาษาญี่ปุ่นแบบ native ละก็อยากทำเกมที่เป็นตำนาน classic ได้ แล้วก็อยากพาพ่อแม่ไปเที่ยวต่างประเทศซัก 4-5 ประเทศก่อนที่ท่านจะไม่ไหว

No comments:

Post a Comment