Friday, July 13, 2018

ไอดารี่

13/12/2015
10/10/2016
12/12/2017
13/07/2018

มันคือ!

วันที่ของไดอารี่

กลายเป็นมนุษย์เขียนไอดารี่ ปีละ 1 ครั้ง 555555

เปล่าหรอกคิดถึงเลยมาเปิดดู ก็เลยคิดได้ว่ามันเจ๋งดีนะ
แค่จับปก ก็เหมือนวูบบบบ ย้อนเวลา เหมือนรอบๆตัวเปลี่ยนเป็นสถานที่ต่างๆไปเรื่อยๆ!

Monday, June 4, 2018

ความคาดหวังที่ orthogonal

ไปทริปกับครอบครัวที่ผ่านมา แม่พูดแต่เรื่องระบบสืบตระกูล เบื่อออออ ประมาณ 38 ครั้ง เดี๋ยวนู่นก็จะแต่งงานแล้ว นี่ก็เป็นการแสดงความรับผิดชอบของเค้านะ ส่วนไอ้หมอนี่เมื่อไหร่ฮึ ไอ้พวกนี้มันเฉื่อยค่ะ เฉื่อยบ้าอะไร เหมือนโดน deny existence ตลอดเวลา จะทำเกมทำอะไรก็ช่างไม่ว่า แต่จะรอแค่เมื่อไหร่แต่งงานกับเป็นครูมีเงินเดือนซะที? เรื่องโดนว่าไม่รู้จักแสดงความรับผิดชอบเพราะไม่ยอมเป็นฝั่งเป็นฝามั่นคงให้แม่ซักทีนี่ จริงๆก็เคยโดนมาก่อนแล้ว

เฉื่อยนี่ยิ่งตบหน้า คือ 2-3 ปีนี่คือไม่เฉื่อยที่สุดในชีวิตแล้วมั้ง ที่นั่งทำมามันเหมือนว่าเราอยู่นิ่งๆซะงั้น? ตอนอยู่ ป โทก็นับแค่วิจัยกับใบจบแต่เวลาส่วนใหญ่ที่เอามาออกแบบเกมสงสัยไม่นับ แต่คนทั่วไปมองว่าชีวิตอยู่กับที่ไง เงินเดือนก็ไม่มี checkpoint อย่างเช่นเงินเดือนขึ้น ตำแหน่งขึ้นมันก็ไม่มี จะมี git commit log ก็ไม่ใช่อะไรที่จะเห็น บาง log ยิ่งต้องชมตัวเองเป็น milestone ที่สร้างเองเพราะไม่มีเจ้านายไม่มีปาร์ตี้อะไรจะมาฉลอง เซิจดูหาเครื่องหมายตกใจเยอะๆคงเจอ

ส่วนเพจนี้ที่เป็นตัวตนของเราจริงๆก็ไม่สน ละก็ชอบว่าไม่เล่นไลน์ไม่เล่นเฟซ ก็ไม่มีอะไรจะเล่าในนั้นนี่นา จะให้เล่าก็ออกมาเป็นเหมือนคอนเทนต์เพจนี้เพราะนี่แหละสิ่งที่เราทำที่เราเจอทุกวัน จะดูตลกมั้ยล่ะเวลาอยู่กลางฟีดคนอื่นๆที่เขา "ชีวิตเดินหน้า" กัน ก็เลยทำเป็นเพจแทนจะได้ไม่เบียดเบียนใครละใครอยากฟังค่อยเข้ามา

จริงการตัดใจมาทำอะไรแบบนี้ มันน่ากลัวอยู่แล้ว ทำไมจะไม่เคยคิดกังวลเรื่องนี้ เรื่องที่จะไม่เจอคน ชีวิตด้านนึงมันก็ต้องหยุด (ชั่วคราว) อยู่แล้ว ซักวันคงกลับไปเป็น normie แต่ก็ไม่ได้อยากให้มาย้ำทุกครั้งที่เจอกัน ปีละ 3-4 ครั้ง ของมันใช้เวลาทำ

เคยอธิบายดีๆตั้งหลายรอบแล้ว ว่ามันจะไปได้อย่างที่คาดหวังได้ไงในเมื่อทุกวันเป็นงี้ ถ้าเลือกงานราชการปกติก็ easy mode ไปแล้ว เพราะมีเงินมีสังคมไง align กับความคาดหวังพอดี นี่เลือกจะทำเกมเหรอ เหมือนหาเรื่องใส่ตัวเองเพราะทีนี้นอกจากต้องพยายามเรื่องเกมแล้ว ยังต้องมาคอย satisfy อันที่ไม่ได้อยู่ในทางนั้นพร้อมกันอีก ความคาดหวังมัน orthogonal กันกับทางที่ไป ก็ไม่รู้จะมาหวังทำไม อันนี้ก็ต้องคอยบอกให้ชื่นใจ เออเดี๋ยวเสร็จแล้วจะทิ้งไปเข้างานปกติๆแล้วรออีกหน่อย จริงๆก็แอบรู้สึกว่าตัวเองน่าจะมี potential ด้านทำเกมแหละ แต่ไม่รู้สิ เจอ fake difficulty เพิ่มขึ้นมาเยอะเกิน ลองคิดว่าถ้าทุกวันมีคนมาคอยย้ำว่าเมื่อไหร่จะได้เป็นนักบินอวกาศ ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรที่ไปทางนันเลยจะรู้สึกยังไง
พอแบบนั้น ก็บอกว่านันมันก็ไม่เหมือนกัน ชีวิตมันก็ต้องมีทั้งงานทั้งอย่างอื่นไปด้วยกันไม่ได้เหรอ "ใครๆเค้าก็ทำกันทำไมเราไม่ได้" (อันนี้ไม่ใช่ทริปนี้ ตั้งแต่ปีใหม่) โอ้ชิท ยิ่งรู้สึกเหมือนโง่เองที่พยายามทำเกมแบบใส่เต็ม 300% เหมือนทุกวันนี้

แค่นิยามคำว่าชีวิตก็ไม่ใช่แล้ว แม่คิดว่าชีวิตประกอบด้วยงานกับครอบครัว ไม่ใช่ การใช้ชีวิตคือการใช้ชีวิต จะทำอะไรก็คือการใช้ชีวิตนะผมคิดว่า จะไปว่าคนที่เค้าตั้งใจสร้างของอยู่คนเดียวว่าชีวิตขาดหาย มันก็ดูไม่ใช่ ไม่ได้อยากจะพูดว่างานคือชีวิต เพราะมันฟังดูลบ ที่ฟังดูลบเพราะนิยามชีวิตมันเป็นแบบนั้นแหละ งานคือชีวิตก็เลยแปลว่า แล้วสังคมกับครอบครัวล่ะ? ถ้าเปลี่ยนคำว่างานเป็นการใช้ชีวิต อาจจะฟังเข้าท่าขึ้น ทุกวันนี้ปั่นเกมอยู่ก็โดนมองว่า "ทำแต่งาน" (implies แล้วเมื่อไหร่จะมีครอบครัว) ทำไมถึงไม่มองว่ากำลัง "living" บ้าง คนที่มีความสุขกับคนที่รักเขาก็กำลัง living คนที่สนุกกับการสร้างอย่างวิศวะเขาก็ living

พ่อแม่ก็คิดถึง เวลาก็ไม่รู้จะได้เที่ยวกันอีกกี่ครั้งไงก็เลยไปด้วย แต่พออยู่ด้วยกันก็มีแต่ความคาดหวังบ้าบอ เลยไม่รู้จะคิดยังไง เลยไม่อยากกลับบ้านเพราะมันมีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตแบบนี้ไงเสร็จแล้วจะไปเข้างานได้เงินให้พอใจอยู่หรอก เพราะพ่อแม่ก็รักเหมือนกันเลยอยากเอาใจ แต่แม่งเหนื่อย ถ้าไม่ทำเกมก็ได้เอาใจไปด้วยใช้ชีวิตปกติไปด้วยได้นานละ อยากตั้งใจทำเกม ทำเพลง แล้วเอาไปขายอาจจะได้เจอคนที่เค้าชอบสิ่งที่เราทำจริงๆมากกว่า เหนื่อย เซ็งชีวิต ปล.อีก 30 นาทีลบ ได้พิมพ์ค่อยใจเย็น

Monday, April 30, 2018

บาเซลกีส



ไปงานแต่งของปอมหน่ามา ได้ของชำร่วยเป็น succulent มาต้นหนึ่ง ไม่เคยได้ของชำร่วยเป็นต้นไม้เลยแฮะ แต่ชอบ ไอเดียดี *-*

ประกอบกับตอนนั้นโดนบอลซันพาไปล้างสมองในสวนกระบองเพชรมาแล้ว เลยรู้สึกพิเศษกับมันมากขึ้นมั้ง แล้วก็ไม่อยากให้มีอันเป็นไปเหมือนต้นตูดที่ทำมันตายไปแล้ว 555 ครั้งนี้ได้วิธีดูแลมาด้วย ดูซิว่าทำตามทั้งหมดแล้วมันจะรอดมั้ย


Friday, April 27, 2018

เอโมมิ


เราเป็นคนที่มีนิสัยเสียอย่างนึง คือชอบจมอยู่กับความทรงจำ คำสัญญา หรืออะไรซักอย่าง จนถึงขั้นที่ว่าชอบคิด ก็สัญญากับตัวเองไว้แล้ว ต้องทำให้ได้สิ คิดแบบนั้นย้ำๆ โดยที่ไม่ได้ดูปัจจุบันเลย

เหมือนเครื่องจักรที่ตั้งโปรแกรมเดินเครื่องไปแล้ว หยุดไม่ได้จนกว่าจะเสร็จ หรือถ้าไม่เสร็จทำอย่างอื่นไปด้วยก็ได้แต่ก็ไม่มีทางลบคำสั่งแรกออกยังไงก็ต้องเสร็จ

Wednesday, February 14, 2018

โอะ

เหมือนจะจำได้ลางๆว่าเคยมาพิมพ์ในนี้ว่าปีที่แล้วเอาช็อคโกแลตไปให้ป้าแลกเหรียญ 3 คนกับพี่ ..ลืมชื่อแล้วที่ร้าน Cafe Del Stella

ปีนี้ร้านเกมก็ไม่อยู่แล้ว ร้านกาแฟเดิมพี่คนเดิมๆก็ออกกันไปหมดแล้วแถมเปลี่ยนเวลาปิดเร็วขึ้น ย้ายมาทำงานร้านตรงแยกเมเจอร์แทน ปีนี้ทั้งปีคิดว่าน่าจะเปลี่ยนมาเป็นร้านนี้ ปีนี้ก็เลยเอามาให้พี่ร้านนี้


Thursday, February 8, 2018

เอาทวีตมาแปะใน Blogger แล้วมันจะออกมาสวยมั้ย


สวยจัง

เรื่องของผมกับ Ableton Live

วันนั้นเรียนตรีอยู่ ม เกษตร อยู่เลย ซื้อวันที่ Live 9 ออกใหม่โดยใช้สิทธิ์ educational ลดราคาตั้ง 40% เปลี่ยนเวอร์ชั่นจาก 8 พอดี.. เลือก Live หลังจากลอง FL, Reason, Cubase แล้วเนื่องจากรู้สึกว่ามัน geekๆ ที่สุด

วันนี้! เรียนจบโทผ่านมา 1 ปี ในที่สุด Ableton Live 10 ก็ออกขายแล้ว!! เป็น DAW อิฉฉาเจ้าอื่นที่อัพเดทรัวๆมานาน เก็บเลเวลกับเวอร์ชั่น 9 มาหลายปี กี่ครั้งที่อยากย้ายค่ายไป FL Studio เพราะทางนั้นอัพบ่อยกว่าแถมฟรี.. แต่ก็ตัดใจเปลี่ยนไม่ได้ เนื่องจากเสียดายตังที่ซื้อ Live มาแล้ว แต่ก็ดีเหมือนกันโดนบังคับให้ใช้จนเก่ง - -

เราสองคน เริ่มต้นจากทำเสียงใส่เกมประกวดโง่ๆสมัยเรียน ต่อมามาใช้ทำงานที่ บ. จริงให้เกมคนอื่นหลังเรียนจบ (เกมนั้นคือ ARES XBox Ver., So Many Me และ Panthera Frontier) แล้วต่อจากนั้นก็ได้ทำเพลงกับเสียงประกอบทุกเสียงลงเกมของตัวเอง Duel Otters​ รวมถึงดัดแปลงเสียงพากย์ (?) ตัวเองให้กลายเป็นเสียงตัวนากในเกมด้วย

ต่อมาเราก็ไปญี่ปุ่นด้วยกัน ที่นั่นได้เข้าวงการ BMS แล้วเจอเพื่อนๆญี่ปุ่น Mumeisen 12 ที่แต่งเพลงแข่งกัน หลังจากนั้นเราก็ทำเพลง BMS ประกอบวิดิโอมาหลายต่อหลายเพลงตั้งแต่ Exargon, Maid Battle, ... ได้ไปกินข้าวกับคนญี่ปุ่นที่เจอกันในเน็ตจริงๆ แล้วคุยกันยังกับแต่ละคนมี stand ประจำตัวเป็น DAW ที่เลือกซื้อและถวายวิญญาณให้ลอยอยู่ข้างหลัง (ประเทศนั้นเขาไม่แคร็กกัน ฝีมือจะ noob แค่ไหนก็ต้องไปทำงานมาซื้อ)

แล้วก็ต้องไม่ลืมว่าเราประกวดงาน Rayark มาด้วยกันสองรอบ แล้วรอบสองเพลง Ruination ก็ได้ไปอยู่ในเกมจริงๆ (ตอนนั้นกดอ่านเมล Ice แล้วลงไปกลิ้งบนพื้นกระเบื้อง 555) จากนั้นปีใหม่ของปีแรกที่นู่นก็ได้ทำเพลง Bluebell ไปติด Dynamix

หลังจบโทกลับมาคิดจะทำเกม ก็มีนายนี่แหละที่ทำเกมด้วยกันกับเราอีกคน เกม Mel Cadence​ ที่ทำอยู่แน่นอนว่านอกจากเพลงแล้วเสียง UI กับ BGM ก็ต้องใช้ แล้วก็มีเพลง ??? ที่ติด Dynamix รอบสอง กับ Rave til the Earth's End ที่ไปผ่านเข้ารอบของ Pump It Up

วันนี้ไม่ต้องคิดซักนิดกดจ่ายเงินทันที ครั้งนี้คำว่า educational หายไป กลายเป็นคนธรรมดาแล้ว (และจ่ายราคาธรรมดาด้วย.. ยังดีมีลด 20% ค่า preorder)

จะว่าไปแล้วก็ดีนะที่ซื้อ ก่อนหน้านี้เริ่มด้วย FL เถื่อน แล้วไม่เห็นค่าของ DAW กับค่าของ bundled synth ซักนิดใช้ทิ้งขว้างไปหมด ไม่เคยพยายาม แล้วไม่เคยมีความผูกพันธ์อะไรเลย ถ้าคิดว่าค่าโปรแกรมเป็นทั้งหมดที่ว่ามาก็เกินคุ้มจริงๆ

จะหา Live แคร็กมาใช้ มันก็น่าจะไม่ยาก แต่อาจจะเสียที่ว่ามาทั้งหมดตลอดไปก็ได้ใครจะรู้ เรื่องนี้เกิดขึ้นกับ After Effects แล้วด้วย เวลาเสียเงินแล้วเราพยายาม จน MV ออกมาได้หลายอัน คุ้มกว่าไปเสียเงินลงคอร์สอะไรไหนๆ เสียเงินซื้อโปรแกรมจริงๆแล้วมามีไฟเองก็เป็นทางฝึกที่ดีมากๆ

อาจจะอีก 4 ปี+ เหมือนเดิมกว่าจะกลายเป็น Live 11 ก็ไม่แน่ แต่คิดว่าก่อนจะถึงวันนั้นเราน่าจะมีเรื่องสนุกๆไปด้วยกันอีกแน่ๆเลย!