รู้ว่าไม่มีความสามารถ ไม่มีโอกาส ไม่มีเวลา ไม่มีโชค ไม่มีหวัง แถมไม่มีอนาคต
ถึงจะรู้แบบนั้นแล้วก็อยากจะดันทุรังทำอะไรไร้สาระ อะไรที่พอจะทำได้ มีเวลาน้อยแล้วไง มีน้อยแค่ไหนก็ควรลองจริงมั้ย น้อยแค่ไหนก็ ควรจะลองจริงมั้ย หรือนี่มันน้อยไปป่ะวะ
และแล้วก็ประจำเลย ตลอดเลย ทำอะไรไม่เคยจะเข้าทางที่คิดไว้เลย
โทษทีที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย โทษที่อาจจะทำให้รำคาญ แต่เพราะกลัวจะไม่มีโอกาสต่อไปแล้ว เป็นโรคกลัวว่าครั้งสุดท้ายจะผ่านไป กลัวว่าจะไม่มีอีกแล้ว แนวโน้มก็เหมือนจะเป็นแบบนั้นเข้าไปทุกทีๆ เวลาอยากจะทำอะไรอยากทำเลย ไม่อยากรอ เป็นโรคอะไรวะเราเนี่ย เฮ้อ
ทีนี้โรคเก่าเรื้อรังอีกอันกลับมา โรคคิดไปเอง ยิ่งคิดยิ่งพลาด ยิ่งพยายามทำอะไรแก้ยิ่งยุ่งขึ้น สุดท้ายก็มาเซ็งตัวเองว่าไม่น่าเลย ทำแบบนั้นลงไปทำไม เพราะอะไรทุกอย่างถึงพังหมดแบบนี้ กลายเป็นกลัวไปหมด ไม่กล้าทำอะไรแล้ว
ครั้งนี้ ก็เลยรอ ด่าตัวเองว่าโตแล้ว จำข้อผิดพลาดที่ผ่านๆมาไม่ได้บ้างรึไง หัดรอซะบ้าง ไม่เลวเหมือนกันใช่มั้ย
แต่แล้วก็ไม่มีอะไรที่จะราบรื่น วันนี้ได้เจอเหตุการณ์แบบว่า... คือจะโหดร้ายไปมั้ย และมันจะพอดีเกินไปจนแทบได้ตะโกนบ่นอยู่คนเดียวเหมือนตัวละครในการ์ตูน
พอมานั่งเล่นกะจะคิด UI เกมใหม่ไปเพลินๆด้วยสมุดโน้ตกับดินสอที่เอามา ตอนแรกก็ยังดีๆอยู่ ยุงเริ่มมา.. เออลืมไป ไม่ใช่ญี่ปุ่นนี่นา
มองไปเห็นเซเว่น ดีจริงๆเลยนะประเทศไทยที่มีร้านแบบนี้ เข้าไปซื้อซอฟเฟลซึ่งเป็นโลชั่นที่ตีตลาด กย 15 ได้สำเร็จ หอม ได้ผลด้วย
กลับมานั่งลมเริ่มพัดเย็นๆจากกลางวันที่ร้อนตับแตก หลังจากทาโลชั่นมหัศจรรย์ไปก็เหมือนสามารถเป็นเพื่อนกับยุงได้แล้ว เห็นมันบินว่อนอยู่ห่างๆ เราอยู่ด้วยกันได้แล้วนะ
ฝนเริ่มตกปรอยๆ อากาศแบบนี้มันใช่ ลมพัดเสียงต้นไม้ดังเป็น noise ที่คอยกลบกลืนเสียงสังเคราะห์รอบกาย เพียงแต่ว่าหยิบสมุดกับดินสอมาออกแบบเกมไม่ได้แล้วเพราะเดี๋ยวเปื่อย เขียนแล้วจะขาด.. อุตส่าห์หาที่นั่งที่มีสปอตไลต์ได้ นั่งคิดในหัวไปก่อน แล้วค่อยไปจดที่บ้านก็คงได้ล่ะมั้ง
อากาศยามค่ำคืนคลอกับท้องฟ้าสีส้มเทา ดูๆไปแล้วรู้สึกเพลินบอกไม่ถูก ชมวิวแสงไฟกลางเมืองอันมืดมิดสลับกับเช็คมือถือ... ยังไม่มา ยังไม่มา... แบตเตอรี่เหลือ 32% แต่ก็ไม่น่าห่วงอะไร
แต่มันก็ไม่จบแค่นั้น
เหลือบไปเห็นประตูเข้าสวนสาธารณะเปิดอ้าอยู่ ไม่รู้จะทำอะไรดีเลยเดินเข้าไปเล่นๆ ป้ายบอกชัดเจนว่าปิด 2 ทุ่มแต่นี่เลยเวลานั้นมาแล้ว รู้สึกอยากผจญภัย ลองเดินเข้าไปเล่นๆซะหน่อยเป็นไร ฝนตกเย็นๆกำลังดี
ประหนึ่งว่ามี event วางดักไว้ตรงช่อง tile ที่อยู่ระหว่างประตู ครืน!! พายุฝนมาจากไหนก็ไม่รู้ องศาเฉียง 50 องศาได้ แถมเม็ดใหญ่ เจ็บด้วย โผล่มาจากไหนไม่รู้
เหมือนโดนเกมบอกว่า ตรงนี้มันเข้าไม่ได้ กลับไปซะ กลับบ้านไปซะ
วิ่งกลับไปที่นั่งเดิมก็ไม่ได้แล้ว ระหว่างวิ่งนี่ได้สบถออกมาจริงๆคนเดียวเป็นครั้งแรกในรอบ.. 1 ปีละกัน "เชี่ยๆๆๆ" เหลือบไปเห็นสิ่งก่อสร้างทรงบ้านจัตุรัสเล็กๆที่หัวมุม นั่นมันห้องน้ำของสวนสาธารณะที่ไม่เคยเหลียวแล (เพราะมันน่าจะสกปรกมาก) เลยนี่นา มีหลังคายื่นออกมาด้วย ดีล่ะ..
วิ่งกลับมาถึงได้โดยที่เปียกแค่หัว ตอนนี้ฝนเริ่มกลายเป็นแนวตั้งแล้วแต่เสียงดังมาก.. มองไปที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ ชั่งใจว่าจะกลับดีรึเปล่า ยังพอขี่กลับได้
ไม่.. เราน่าจะยังอดทนไม่พอ จำครั้งก่อนๆได้มั้ย ถ้าเชื่อมั่นอีกหน่อยจะเป็นไง จะดีกว่าเดิมมั้ย เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆ
เช็คมือถือด้วยความถี่ที่มากขึ้น... ยังไม่มา..
ตามสเต็ป ในใจเต็มไปด้วย "คิดไปเอง" ที่ไม่ควรคิด ผุดมาจากไหนเต็มไปหมด ไม่ว่างรึเปล่า รำคาญแล้วแน่เลย หรือจริงๆแล้ว เรากำลังทำสิ่งที่ไม่ควรทำ เราบ้าอยู่คนเดียวรึเปล่า ควรจะเลิกทำอะไรแบบนี้ไปตั้งนานแล้ว?
เวลาผ่านไปแบบไม่ได้ดูนาฬิกา ฟ้าเริ่มผ่า บ่อน้ำใหญ่ตรงหน้าเริ่มมัวเพราะแรงฝนที่ตกกระแทกผิวน้ำเกิดเป็นละอองฟุ้ง มองไปที่พื้นลู่วิ่งเห็นละอองฝนวิ่งเป็นสายตามทิศทางลม
ไม่ทันรู้ตัว เรายืนอยู่ท่ามกลางพายุซะแล้ว
ต้นไม้โบกปลิวอย่างบ้าคลั่ง แสงสปอตไลท์สีส้มฉายผ่านละอองฝนที่ลอยว่อนแบบไม่ปราณี เกิดภาพ abstract โทนสีส้ม-ดำ ที่แทบดูไม่ออกแน่ถ้าไม่ได้อยู่เมืองนี้มาก่อนว่าอะไรเป็นอะไร รองเท้าเริ่มชุ่มจนหมดสภาพ เริ่มรู้สึกได้ว่าเป้ที่เอามาเปียก ถึงจะยืนอยู่ในร่มก็เหอะ
เห็นคนไร้บ้านคนนึงเดินไปที่ริมบ่อน้ำทั้งๆที่พายุอยู่ เหมือนจะไปตักน้ำที่บ่อมาใส่กระติกแล้วก็หายไป มีแว่บนึงที่คิดอยากจะชวนมาหลบฝนด้วย อยากคุยด้วยจะดีมั้ย แต่มัวแต่คิด เขาหายไปแล้ว
ไม่นานก็ได้สัมผัสฟ้าผ่าระดับแถวหน้าสุด หลังจากยืนมองฟ้าแลบ ฟ้าผ่ามา 8-10 อัน อันล่าสุดนี่ลงมาตรงบ่อน้ำ ต่อหน้าต่อตา
เห็นเป็นเส้นสีขาวม่วง แว่บลงมา เปรี้ยง!!!! เสียงดังยิ่งกว่าเปิด bitcrusher ต่ำๆ แล้วลืมใส่ limiter
เป็นครั้งแรกที่อยู่กลางฟ้าผ่ารัวเร็ว แล้วกลัวตายมาก นี่กะจะเอาให้กุเฟลให้ได้ใช่มั้ย สวรรค์จะแกล้งกุให้เฟลเป็นครั้งที่... เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ให้ได้ใช่มั้ย ให้กุตั้งใจแล้วมันได้ดั่งใจบ้างได้มั้ย ว้อย
เช็คมือถือ.. ยังไม่มา เข้าสู่รายการคิดไปเองขั้นต่อไป อาจจะเหนื่อย นอนแล้วรึเปล่า ยุ่งอยู่รึเปล่า คุยธุระอื่นอยู่ รึเปล่า รึเปล่าเต็มไปหมด แต่สภาพอากาศแบบนี้... ถึงมาแล้วจะให้ไปยังไง
มองไปที่มอเตอร์ไซค์ ชิบหายน้ำเริ่มท่วมถนนแล้ว จะกลับไปที่มอไซค์ก็สายไปแล้ว คงต้องรออยู่หน้าห้องน้ำล๊อคกุญแจโทรมๆนี้ไปอีกซักพัก
ก่อนหน้านี้พ่อโทรมา บอกว่าไม่เป็นไรหลบฝนอยู่เดี๋ยวกลับเอง ฝนตกไม่หนักมาก.. ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าควรจะโทรเรียกพ่อมารับดีมั้ย แต่ถ้าเรียกมารับทุกอย่างก็จบ จะมานั่งรอทำไม
แบตเตอรี่ลดเหลือ 20% เช็คมือถือ.. ยังไม่มา ตอนนี้เริ่มกลัวว่ามือถือมันจะล่อฟ้าเข้ามามั้ย เริ่มนึกถึงฉากแบบผ่ามาลงห้องน้ำนี้แล้วไฟไหม้ วิ่งหนี.. ถึงจะคิดแบบนั้นก็ยังเล่น twitter ต่อไป.. เซ็งนี่นา อะไรจะกลั่นแกล้งขนาดนี้ ถ้าตายจริงก็อยากให้มีคนรู้เรื่องบ้างก็เลยเล่น twitter ไปด้วย
นึกสนุก อยากอัดวิดิโอ เพราะถ่ายรูปมันไม่เห็นเลยว่าพายุแรง เสียงดังแค่ไหน ก็เลยเอาวะ เปียกเป็นเปียก หยิบน้องใบตอง iPod Touch Gen 5 ตัวเก่งขึ้นมา.. กำลังจะใช้ฟังก์ชั่นวิดิโอใหม่บน twitter.. แบตหมด
โชคดีที่มีแบตสำรองเลยเสียบชาร์จ แต่กว่าจะเปิดเครื่องได้อีกทีเลยต้องรอซักพัก (จอกระพริบรูปแบตกับสายชาร์จ) เอาวะ น้องมะเขือม่วง มือถือ Android กล้องสุดกาก จะได้โชว์พาวก็งานนี้ เปิดแอพ Vine กดรูปกล้อง... จอดำ..
กด Home กลับมา แล้วเปิด Vine ลองอีกที... โดนตีกลับมาหน้า timeline...
โอเคกุอัดวิดิโอแบบปกติก็ได้ น้องมะเขือม่วงตอนนี้ชุ่มไปหมด รู้ว่าไม่น่าจะดี แต่อยากจะเก็บฉากสุด epic นี้ไว้...
เหมือนโดนสวรรค์สั่ง ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าลงมาเปรี้ยงที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แต่มันทำให้วิดิโอตัดฉับไป จริงๆแล้วคงที่เต็ม แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า แมร่งตั้งใจจะขัดขวางแม้กระทั่งอัดวิดิโอเล่นงั้นเลยเหรอ
ลบแอพ Thapster 2 ทิ้งไป เผื่อจำเป็นจะได้อัดอีกได้ ค่อยไปโหลดใหม่เมื่อมีโอกาส
ธรรมชาติยังไม่หยุดแค่นั้น ครั้งแรกในชีวิตที่ได้สัมผัสพายุเปลี่ยนทิศแบบถึงเนื้อหนัง จากฝนแนวตั้งแรงๆดีๆ อยู่ๆได้ยินเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต แช้บบบบ! ลมเปลี่ยนเป็นแนวนอนเกือบ 80 องศาแทบจะทันที เสียงมวลน้ำกระทบกับทุกสิ่งก่อสร้างในแนวนอนดังกังวาลรอบตัว ลมแรงจนแทบจะเห็นเส้น effect ลมแบบที่เคยเห็นมาในเกมในโลกจริง
แทบจะลืมตาไม่ขึ้น กูจะทำยังไงต่อไป.. มองไปทางขวามือเห็นเสาต้นนึง เป็นเสาที่ค้ำหลังคาข้างบนไว้นั่นเอง พอมีเสาแล้วมันทำให้เราสามารถเลือก "ด้านที่จะยืน" ได้ง่ายขึ้น แทนที่จะต้องวิ่งวนรอบห้องน้ำเพื่อเลือกด้านที่ต้านลม เราวนรอบเสาแทนได้ (วนรอบห้องน้ำบ้างด้านไม่มีกันสาดบังฝนด้วย)
นายมันช่างเป็นเสาที่ต้นเล็กเหลือเกิน วิ่งเปลี่ยนทิศระหว่างซ้ายสลับกับล่างเพราะพายุเริ่มคลั่ง บางทีกว่าจะรู้ตัวว่าควรเปลี่ยนด้านเสากางเกงยีนส์ก็โดนซัดไปครึ่งท่อนขาแล้ว เสียงตอนนี้ดังมาก เปรี้ยงๆๆๆ ฟ้ากระพริบสีม่วงสลับกับเส้นสายฟ้าสีขาว rgb 255 255 255 สลับกันอย่างไม่ปราณีมองทีตาแทบพร่า เสียงฝนดังสนั่นเหมือน white noise ที่ดังเต็ม 0 dBFS จนยืนไม่ได้แล้ว ต้องนั่งยองๆลงหลังเสา
ตอนนี้ตรงหน้ามีแต่ภาพเสา ไม่สามารถขยับหน้าได้แม้แต่นิดเดียวไม่งั้นฝนกระแทกแน่นอน ถึงกระนั้นก็ยังเช็คมือถือ.. ยังไม่มา
ตอนนี้กุนี่เริ่มจะร้องไห้ละ ไม่ใช่กลัวพายุ แต่อนาถกับความเฟลของตัวเองเกินไป สลับกับขำที่เหตุการณ์มันดูเจาะจงพอดีอย่างบอกไม่ถูก เอออออ ฆ่ากูเลยเหอะแบบเนี้ย 555
ระหว่างที่ต้องนั่งยองๆก้มหัว ไม่เห็นอะไรนอกจากต้นไม้กระถางที่เหมือนจะโอดครวญว่ากิ่งจะหักอยู่แล้ว พอไม่มีอะไรให้เห็น (ได้ยินแต่เสียง) ทำให้ย้อนนึกไปถึงอดีต ตอนไหนนะ ปี 3 ปี 4 รึเปล่านะ.. รอแล้วรอเล่า หลอกตัวเองกี่วัน รอกี่ชั่วโมงกี่วันก็ไม่มา ผ่านไปกี่เดือนผลก็ไม่เปลี่ยนแปลง มีโอกาส มีความคิดดีๆ พอทำจริง เฟล เฟลหมด
หลังเรียนจบ มาสมัยทำงาน เวลาเชื่อใจใครหรืออะไร ก็รอนะ แต่สุดท้ายก็มีแค่เราคนเดียวที่รอ ที่เชื่อมั่น เฟล เฟลไปหมดอีกแล้ว
อยากได้อะไรที่มันเป็นไปตามที่คาดบ้างหน่อยนะ
พอฝนเริ่มกลับมาเป็นแนวตรง มองออกไปทางซ้าย ถนนที่อยู่นอกรั้วเหล็กของสวนสาธารณะแห่งนี้ไม่มีอีกแล้ว กลายเป็นคลองย่อมๆเลย น้ำสีดำสนิทตีเป็นลอนคลื่นตามทิศของรถโหลดสูงที่สามารถวิ่งฝ่ามาได้ เห็นไฟฉายของคนแถวนั้นที่เหมือนส่องหาอะไรบางอย่าง นานๆทีก็เห็นมอเตอร์ไซค์ใจกล้าขับผ่านมา
เปรี้ยงง ฟุ่บ! ฟ้าผ่าครั้งต่อมานี้ไม่ธรรมดา ไฟดับหมดเมือง!! วิวทิวทัศน์ตึกที่พอเห็นได้เพราะหลอดไฟสีขาวในห้อง หายวับไปหมดต่อหน้าต่อตา ทุกอย่างมืดดำ เหลือแค่สปอตไลต์สีส้ม ที่คาดว่าน่าจะสำรองไฟไว้ กับห้องบางห้องในโรงพยาบาลข้างเคียงที่น่าจะเป็นห้องสำคัญพอควร
ในใจคิด เออ เอาสิ มีอะไรจะทำอีกมั้ยเนี่ย หมดแล้วว้อย เหลือแต่ฆ่ากูกับโลกแตกแล้วมั้ง เอามั้ยล่ะ 555
เช็คมือถือ... ยังไม่มา
จุดนี้กูยอมแล้วล่ะ โทรหาพ่อก็ได้ พ่อไม่รับสาย! ที่จริงแปลกตั้งแต่พายุโคตรแรงแล้วพ่อไม่โทรมาแล้ว ยิ่งทีนี้ไฟดับหมดเมือง สงสัยหลับชัวร์
ตัดสินใจโทรหาแม่ เพื่อให้ช่วยฝากโทรหาพ่ออีกทอดนึง (แม่ไม่อยู่จังหวัดนี้) เพราะโทรหาพ่อรัวๆเดี๋ยวจะตายก่อน กลัวใช้โทรศัพท์แล้วฟ้ามันผ่ามาลงหัว
ตอนคุยกับแม่นี้คือ ทั้งต้องตะโกนสู้พายุ ทั้งกลัวว่าฟ้าจะผ่าตามสัญญาณโทรศัพท์ (เดา) เป็นการคุยโทรศัพท์ที่ตื่นเต้นมากครั้งหนึ่งในชีวิต โทรศัพท์เสี่ยงตาย
ตอนนี้น่าจะ 5 ทุ่มแล้ว เปียกหมดแบบไม่เหลือสภาพ แต่ในเป้น่าจะยังโอเคอยู่ ของที่ตั้งใจเอามาแต่แรก.. โอเคอยู่มั้งนะ มันมีพลาสติกห่อ.. แต่สมุดโน้ต... คงต้องไปดูที่บ้าน
หยิบคู่แบตสำรองกับ iPod Touch น้องใบตองที่ชาร์จไว้มาดู ปรากฏว่าสายหลุดในกระเป๋า มันยังไม่ได้ชาร์จเลยตั้งแต่ตอนนั้น.. เออดี เก็บกลับเข้าไป
มองไปที่ถนนเห็นรถ ambulance วิ่งไปมาครู่หนึ่ง กูจะเป็นรายต่อไปรึเปล่า ถ้าจริงๆก็มีดีที่กุจะได้ไปอยู่ในห้องดีๆซะที..
มือยังเล่น twitter ผ่านน้องมะเขือม่วงสลับกับเช็ค message.. น้องมะเขือม่วงเท่านั้นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไว้ แบตลดเหลือ 12% ไม่เป็นไร มีแบตสำรองนี่นะ (เหลือไฟ 2 เม็ดจาก 4 เม็ด) แต่กลัวระเบิดจัง โดนน้ำรัวๆแบบนี้จะเป็นไรมั้ยวะ
ซักพักแม่โทรมาคอนเฟิมว่าพ่อกำลังมา.. รีบขอบคุณและตัดบทเพราะกลัวฟ้าผ่าใส่ถ้าคุยนาน
ซักพักคัน.. อีเหี้ยมดแดง เห็นอย่างชัดเจนเพราะรูปหัวมดกับฟันรูปตัว C ผุดขึ้นมากลาง timeline สีขาวๆในโปรแกรม twitter นี่อุตส่าปีนมาบนมือถือให้รู้ตัวด้วยนะ เป็นมดไซส์ใหญ่ ไม่ได้เจอมานานมากเพราะที่ญี่ปุ่นมันไม่มี... มดแบบที่เห็นเป็นตัวๆแบบจับได้ ตามต้นมะม่วงน่ะ โห หายคิดถึงเลยมาโผล่เอาตอนนี้
หลังจากปัดทิ้งก็เริ่มรู้สึกว่ามีอีกสองสามตัวไต่อยู่ที่ไหนซักแห่งจนได้พยายามเต้นเพื่อเพิ่มโอกาสที่มดหลุด... เต้นหน้าห้องน้ำโทรมๆกลางพายุฝน
มาจากไหนวะ มันมีด้านนึงของเสาที่พื้นยืนเป็นทราย (เทไว้ทำส้นตีนอะไรไม่รู้) จริงๆแล้วอาจจะมีรังมด หรือตอนที่พิงกำแพงห้องน้ำกันแน่ มันคงมาหลบฝนเหมือนกัน จะมาจากไหนก็ช่าง ช่วยออกไปจากตัวกูเหอะ
ที่ท้าทายสวรรค์ไว้ว่าคงไม่มีอะไรให้แกล้งแล้วก็เลยผิดคาดที่ยังเสกมดมาใส่ตัวให้อีก เออ สร้างสรรค์ดี มาทำเกมด้วยกันมั้ย
ถ้าเป็นอุดรยังอยู่คงได้บินว่อนแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปไหน โดนเอาออกไปเมื่อไหร่
.....
และแล้วมันก็หยุดลง พายุหยุดก่อนที่พ่อจะมาถึง แต่ไฟในเมืองอุดรก็ยังไม่มาอยู่ดี
ตอนนี้ออกไปเดินได้แล้ว ฟ้ายังแลบและร้องครืนๆ แต่งแต้มเมืองสีดำให้มีสีม่วงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่าตอนที่ผ่ามาลงบ่อตรงหน้าแล้ว
เมื่อเสียงฝนเงียบลง จ๋อมๆ เสียงคลองถนนกลับชัดขึ้นมาแทน บรรยากาศเหมือนตอนไปเที่ยวรีสอร์ทริมทะเลกับเพื่อนแล้วมานั่งเล่นริมทะเลกันตอนกลางคืน (ไม่นับเสียงคลื่นทะเล) เสียงน้ำกระทบฝั่งฟุตบาท สลับกับเสียงรถยนต์ที่ผ่านไปมาบ้าง
เริ่มมีกลุ่มวัยรุ่นออกมาจากไหนไม่รู้ เหมือนมาเอามอไซค์ที่จอดทิ้งไว้แล้วขี่ไปที่อื่น (กลัวโดนรุมฆ่านิดๆ)
เวลาเที่ยงคืนแล้ว เช็คมือถือ.. ยังไม่มา
ตอนนี้สามารถคุยได้เลยมี choice มา โทรดีมั้ย เป็นห่วง ไฟยังดับอยู่ จะเป็นอะไรรึเปล่า หรือจริงๆคิดไปเองอีกแล้ว ไม่มีใครเป็นอะไรหรอกมีแต่กูนี่แหละบ้า.. สุดท้ายเลือกโทร ไม่รอแล้ว ที่รอมานานหักสะบั้นลง โทร..
ไม่รับเหมือนเดิม.. ทีนี้ก็นอยสิ ไม่น่าโทรเลย คงรำคาญแน่เลย ย้อนเวลาได้มั้ย เอาใหม่ได้มั้ยเนี่ย.. ไม่ได้ สายไปแล้ว มีด้านปลอบใจมาอีกด้านนึงคือ คงนอนแล้ว คงเหนื่อย คงยุ่งมาก...
ไงต่อ ฝากข้อความมั้ย เมสเซจดีมั้ยว่า วันนี้คงไม่ได้แล้ว แหงล่ะสิเละขนาดนี้แล้วจะมีหน้าไปหาได้ไงอีก แต่ก็กลัวจะรู้เรื่องที่มารอบ้าบอนี่ เหมือนคนบ้าไงไม่รู้ ก็เลยไม่ดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ้าได้คุยกันคงบอกแค่ว่าเมื่อวานไม่ว่าง ตั้งใจจะเป็นวันนี้.. คิดไปคิดมา หยุด มึงหยุดทำอะไรต่อไปได้แล้ว ที่โทรไปตะกี้ก็เสียดายไม่ใช่เหรอ... สุดท้ายก็ไม่ทำอะไรแล้ว
ถ้าตัดสินใจแบบนี้ พรุ่งนี้ไงต่อ พรุ่งนี้โอกาสสุดท้าย จะทักอีกทีมั้ย จะโทรอีกทีมั้ย ถ้าเงียบ เราควรจะหายไปเงียบๆดีกว่ารึเปล่า ถ้ารำคาญจริงก็ควรจะไปจริงๆนั่นแหละ
ลมเริ่มกลับมาพัด.. ยืนอยู่กลางเมืองแห่งความมืดเงียบๆ ทำให้ได้คิด
"กู กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย"
บ้าจริงเชียว แต่คิดอีกทีได้สัมผัสพายุแบบโดนล๊อคให้หนีไปไหนไม่ได้ ก็เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน
ไปเรียนญี่ปุ่นก็กลายเป็นเกลียดวิจัย เวลาทำเกมที่อยากทำจริงๆก็แทบไม่มี แลปก็ส่งเมลมาถึงไทยตามให้ทำงานให้ ญี่ปุ่นก็แทบไม่ได้เที่ยวเพราะต้องเก็บเงินเตรียมไว้อยู่อาศัยที่ไทยหลังเรียนจบตามแผนที่ว่าจะไม่สมัครงานแล้วลองเอาเวลามาตั้งใจทำเกมของตัวเองดู แต่ถ้าไปทางเกมก็ไม่มีรายได้ ไม่มีอนาคตที่มั่นคง ถ้าจะขายบราวนี่ก็กลัวต้องกู้แล้วขาดทุน ถ้าจะเปิด coworking space ตามที่เคยคิดไว้ก็คงต้องอยู่กรุงเทพอีกยาว เพลงที่อยากฝึกทำ ก็ดูจะใช้เวลาเยอะแต่ไม่สร้างอนาคตได้เลย
"ทำอะไรอยู่" นี่คงหมายถึงมองกว้างๆ ในชีวิตตัวเองด้วย ส่วนคำตอบก็ไม่มี คงต้องหาต่อไป
"ทำอะไรอยู่" นี่คงหมายถึงมองกว้างๆ ในชีวิตตัวเองด้วย ส่วนคำตอบก็ไม่มี คงต้องหาต่อไป
รู้สึกว่าตัวเองอ่อน ทำอะไรก็ไม่ใช่ไปหมด ขณะที่คนอื่นๆ เขากำลังไปข้างหน้า ไปไหนกันไม่รู้หมดแล้ว
เริ่มเหนื่อยกับความเฟลแล้วนะ เคยบอกแม่ว่าอยากจะลาออกจากเรียนญีปุ่นเหมือนกัน คงตัดแลปที่ตามจิกอยู่ทุกวันนี่ให้หายไปได้ แต่ที่หายไปด้วยคือรายได้จากทุนญี่ปุ่นที่จะทำให้อยู่ไทยต่อได้อีกซักปีโดยไม่ทำงานหลังเรียนจบ แล้วก็โอกาสเรียนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่นแบบไม่อดตาย ก็จะหายไป.. เราลาออกไม่ได้ มาญี่ปุ่นนี่ก็ทิ้งโอกาส ทิ้งอะไรหลายอย่างไปเยอะแล้ว จะให้ที่ทิ้งไปมันสูญเปล่างั้นหรือ
ไม่นานพ่อก็มารับ ออกมาแล้วมือถือแบตหมดเลยโทรมาติดต่อไม่ได้ ต้องไปหาที่ชาร์จที่สำนักงานดับเพลิงเลยเสียเวลา กว่าจะคุยกันรู้เรื่องว่าอยู่ "มุม" ไหน และแล้ว การรออันยาวนานก็จบลงด้วยความล้มเหลวเหมือนเกือบทุกครั้งที่ผ่านมา กลับถึงบ้านไฟยังดับอยู่ โชคดีที่ไม่นานไฟก็มา ทำให้ได้มานั่งพิมพ์ไอ้นี่
เหมือน episode การ์ตูน OVA ตอนนึงได้จบลง ไม่น่าเชื่อเลยว่าทั้งหมดนั่นจะเกิดขึ้นในคืนเดียว ตอนนี้ตี 4 57 นาทีแล้ว คงต้องไปนอนละ ถึงตอนนี้ฝนก็ยังตกแบบกลางๆอยู่ข้างนอก แต่คงไม่แรงและ 4D เท่าตอนอยู่หน้าห้องน้ำนั่นแน่
เหมือน episode การ์ตูน OVA ตอนนึงได้จบลง ไม่น่าเชื่อเลยว่าทั้งหมดนั่นจะเกิดขึ้นในคืนเดียว ตอนนี้ตี 4 57 นาทีแล้ว คงต้องไปนอนละ ถึงตอนนี้ฝนก็ยังตกแบบกลางๆอยู่ข้างนอก แต่คงไม่แรงและ 4D เท่าตอนอยู่หน้าห้องน้ำนั่นแน่
อ้อ ส่วนคลิปที่ถ่ายด้วยมือถือ android ถึงตอนนี้ก็ยังงงๆอยู่ว่าทำไมฟ้าผ่าเปรี้ยงนั้นแล้วตัดไป พื้นที่ก็ยังมีอยู่บ้าง ดูจากคลิปแล้วไม่ค่อยเห็นความแรงเท่าไหร่แฮะเพราะเสียงไม่ surround และถ่ายทอด "ลม" มาได้ยาก ของจริงนี่คือหน้าตึงตลอด
ส่วนสภาพสมุดจดไอเดีย ไม่เปียกมากเท่าที่คิด
จนตัวแห้งหมดแล้วยังไม่ได้อาบน้ำเลย เอาเป็นว่า นอนก่อนละกัน
ปล. ทวิตเตอร์วันนั้น ลงไว้เป็นที่ระลึก 555 ใหม่ไปเก่านะ
ชีวิตมึงโหมด Hard รึไงฟระ = =
ReplyDelete