Wednesday, October 14, 2015

I am not a freaking researcher!!

(โพสต์นี้จะพิมพ์แบบตามความคิดสดๆ ไม่ได้เรียบเรียง เลยอาจจะดูเละๆ...)

อยากจะสรุปความรู้สึกของคนที่มาเรียนโท แต่ได้ค้นพบอะไรบางอย่าง กับความประหลาดของระบบศึกษา

ชอบเรียนรู้ ชอบสร้าง ชอบประดิษฐ์.. แต่ หลายๆครั้ง งานวิจัยที่ต้องทำที่นี่ มันมาดึงความสนใจจากสิ่งที่อยากทำจริงๆ

"In the flow" ศัพท์นี้.. เกิดขึ้นกับตัวหลายครั้งมาก ตอนที่ดำดิ่งอยู่กับเรื่องที่อยากรู้อยากเรียนจริงๆ ไปต่อแค่ไหนก็ทำได้

อย่างเมื่อวานก่อน พอดีเรียนญี่ปุ่นอยู่แล้วเกิดไอเดียอยากทำเว็บช่วยเรียนญี่ปุ่น ก็เลยนึกอยากฝึก Ruby on Rails ขึ้นมา.. มันก็เป็นความอยากชั่ววูบอะไรแบบนี้บ่อยๆแหละ แล้วมันก็สนุกจริงๆ การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ นั่งตั้งแต่เที่ยงวันจนจะตี 5 แล้ว ก็ยังรู้สึกว่าไปต่อได้เรื่อยๆ ไม่นอนก็ได้นะ




แล้วความจริงก็กลับมา เปเปอร์ ต้องอ่านให้จบนี่นา มีแลปมีตติ้งบ่ายสามนี่นา ถ้าไม่นอน คงจะไม่ทันแน่เลย.. ก็เลยต้องหยุด flow ไปนอนจนได้

เรื่อง flow นี้ คิดว่ามันสำคัญมากๆๆ มันสามารถเปลี่ยนชีวิตคนๆนึงได้เลยแหละ อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ที่ชอบทำเกม ก็ทำให้นึกถึงวันนึงตอนประมาณ ม.3 มั้งที่เล่นโปรแกรม RPG Maker XP แล้วนั่งสร้างเมือง สร้างเนื้อเรื่องข้ามคืนไปนอนตอนเช้า พอดีวันนั้นเป็นวันหยุดไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มันได้ดำดิ่งอยู่ในสิ่งใหม่ๆ อยู่ในจินตนาการไปเรื่อยๆ... ใครจะไปรู้ว่าถ้าคืนนั้นมีอะไรซักอย่างมาขัด ชีวิตวันนี้อาจจะไม่เหมือนตอนนี้ก็ได้ ตอนอยู่ใน flow นี่กล้าพูดว่า learning rate สามารถเพิ่มจากปกติ 3-5 เท่าก็ไม่เวอร์เลย แถมยังบันดาลใจ และอื่นๆมากมาย

มาอยู่ที่นี่ สิ่งที่อยากทำจริงๆ อยากจะทำ Unity Plugin ออกมาขาย อยากทำเว็บนำเสนอ Plugin อยากทำ Duel Otters ต่อ อยากทำมิวสิคเกมต่อ อยากแต่งเพลง.. ทำไม่ได้ซักอย่างเพราะต้องมาพะวงกับสิ่งที่จะทำให้ "จบ" ได้อย่าง หาที่ฝึกงาน ปั่นเปเปอร์..

ถ้าพูดตรงๆ ไม่จบไม่ได้ใบปริญญา ก็ไม่ได้แคร์มากแต่แม่คงแคร์ กับแบกชื่อเสียงมหาลัยไว้ด้วย ยังไงก็ล้มเหลวไม่ได้

คำถามต่อไปคือถ้าคิดงี้แล้วมาเรียนโททำไม หลักๆสองข้อคือก็อยากรู้นั่นแหละว่ามันจะเป็นยังไง อยากมาลอง "เรียนรู้" สิ่งที่ลึกขึ้นบ้าง พอดีชอบ applied math อยู่แล้วเลยอยากมาศึกษาเพิ่ม ตอนเรียนคาบ numerical computation ของ อ.มะนาว ที่ ม เกษตร รู้สึกว่ามันสนุกมาก มันเท่ที่เอาคณิตมาใช้แก้ปัญหาได้ อยากรู้เพิ่ม อีกเหตุผลแน่นอนคือแม่ พูดถึงแม่ก็ต้องมาพร้อมกับอาชีพมั่นคง และนั่นแปลว่า ไปเอาใบปริญญามาซะลูกจะได้สบายในอนาคต

ตอนนี้รู้แล้วว่าความ "อยากเรียนรู้" อย่างเดียว มันไม่ใช่ ป โทเลย มันต้องทำวิจัยแล้วเปลี่ยนมันเป็นเปเปอร์ แค่รู้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำออกมาเป็นสิ่งใหม่ๆด้วย ซึ่งเหมือนจะสมเหตุสมผล แต่มันไม่ใช่เรา ถ้าแค่อยากรู้อยากประดิษฐ์ โปรแกรมสิ่งที่ดีให้คนอื่นใช้ นั่นมันไม่ใช่การเรียน ป โท

หลายครั้งที่มีไอเดีย ถ้ามีอย่างงั้นอย่างงี้ก็คงจะดีนะ เอาไปเสนออาจารย์ คำตอบที่ได้กลับมาแทบทุกทีคือ ก็ดีนะ "แต่มันไม่ใช่ research paper"... ก็เลยอดทำ

สิ่งที่อยากจะรู้ ดันเปลี่ยนเป็นเปเปอร์ไม่ได้ สิ่งที่อยากรู้ไม่ตรงกับแลป.. คือ เราโดน constrain ให้ไปทางนึง ไม่ทันรู้ตัว สิ่งที่ต้องเรียนรู้ในตอนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากจะทำจริงๆซะแล้ว

สิ่งที่เกลียดอันดับแรกคือ "หา" งานวิจัย... ไอ้หานี่แหละ รู้สึกไม่ถูกกันมากเลย ตอนนี้อ่านเรื่อง Deep Learning อยู่เพราะสนใจจริงๆ แต่ไอเดียต่างๆที่ได้มาระหว่างอ่าน มันเป็น Application หมด แล้วมันก็เป็น research paper ไม่ได้อีกนั่นแหละ

ตอนปีแรกที่ผ่านมา คาบเรียนแต่ละคาบ มันสนุกมาก ได้รู้เรื่อง Hardware Testing การเทส stuck at fault.. ได้รู้เรื่อง markov chain ได้รู้เรื่อง structure from motion.. แต่ละคาบที่ผ่านไปมันสนุก ซึ่งก็ไม่ต่างจากตลอดชีวิตที่เรียนมารวมถึง ป ตรี ด้วย การเรียน เรารู้สึกว่ามันสนุก แต่พอมาถึง requirement ในการเรียนจบที่ไม่ใช่คะแนนสอบ (วัดว่าที่เรียนมาเข้าใจมั้ย) เปลี่ยนมาเป็น ต้องมีเปเปอร์ ปุ้บ นี่คือความแตกต่างของ ป โท นี่เอง และด้วยสิ่งนี้มันทำให้เราต้องชะลอสิ่งที่อยากเรียนรู้ต่อหลายๆอย่าง เพราะมันเสียเวลาและไม่เกียวกับงานวิจัย (และแลป)

ก็เลยได้ข้อสรุปว่า เราคงไม่เหมาะจะเป็น Researcher หรอก

แต่นี่คือข้อสงสัยอีกอย่างเพราะคนที่จะได้ปริญญาโทได้ ก็คือต้องผ่านการเป็นนักวิจัยมาก่อน แล้วไอ้ใบปริญญานี้มันทำให้ได้งานง่ายขึ้นซึ่งงานต่างๆก็ใช่ว่าจะเป็นงานวิจัย.. ก็เลยสงสัยว่า สำหรับคนที่ไม่ชอบสายทาง Researcher มันไม่มีอะไรที่พิสูจน์ตัวเองได้ที่ไม่ใช่ใบปริญญาเลยเหรอ

เคยบอกแม่หลายรอบแล้วว่าอยากเป็นครู ชอบเรียนรู้แล้วชอบสอนให้เข้าใจง่ายๆ แม่ก็บอกว่าดี (เพราะมั่นคง) แล้วก็มาถึงที่ว่า "เป็นครูมหาลัยเลยลูก ตำแหน่งดีๆ" นั่นแหละ ครูมหาลัย ต้องการปริญญาโท เอก ทั้งนั้น ซึ่งหมายความว่าต้องเป็นนักวิจัยมาก่อน..

ชอบเรียนรู้ ชอบสอน แต่ไม่ชอบวิจัย ก็เลยไม่มีใบผ่านทางไปเป็นครูมหาลัย พอบอกแม่ว่า เป็นครูมัธยมอะไรงี้ไม่ได้เหรอ เพราะจริงๆชอบแค่สอนไม่ได้ชอบวิจัย.. ก็วนมาถึงเรื่องเงินเดือนกันความมั่นคงอีกนั่นแหละ แม่ก็ไม่ค่อยอยากจะให้เป็นครูระดับมัธยม ชอบบอกว่า เรียนโท แล้วก็ต่อ เอก นะลูก แล้วมาเป็นครู

คำพูดนั่นเหมือนว่าในหัวจะคิดว่า "อดทน" ไป  "spend time" 2 + 3 ปี แล้วจะได้ใบสองใบมา แล้วต่อไป ก็จะได้ "สบาย" ฟังดู systematic ดี แต่ว่า มาอยู่ที่นี่แล้วได้รู้ว่า ที่ของ ป โท กับ ป เอก มันไม่ใช่ที่สำหรับทุกคน ที่จะมาเฉี่ยวเอาใบปริญญานะครับแม่ มันเป็นที่ของคนที่อยากวิจัยจริงๆต่างหาก แต่มาตรฐานของการรับงานมันดัน require ความ "อยากวิจัย" นี้ไปซะทุกที่เลย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนที่ไม่อยากวิจัยจะไปทำงานที่ไหนดี

มาอยู่นี่แล้วรู้สึกผิด เพราะรอบๆตัวมีคนที่ชื่นชอบการวิจัยและไขว่คว้าหาเปเปอร์เต็มไปหมด ในขณะที่เรา ในหัวเราอยากแต่จะเรียนรู้สิ่งที่ไม่ตรงกับแลปที่เข้ามา อยากจะเรียน Ruby on Rails อยากจะเรียน Deep Learning อยากจะฝึกใช้ DJ mixer อยากจะทำ Plugin ของตัวเองออกขาย อยากจะฝึกเล่นเบส อยากจะทำ Duel Otters กับมิวสิคเกมต่อ แล้วก็อยากใช้ความรู้เรื่อง math กับ data mining มาลองทำนายเรื่องเกมที่ทำอยู่ แล้วก็ อยากอ่านหนังสือ prob+stochastic ที่ซื้อมาตั้งแต่มหาลัยอีกรอบให้จบ เพราะชอบใน applied math มาก.. แล้วก็อยากเรียนญี่ปุ่นด้วย อยากอ่านการ์ตูนกับ Localize เกม/ทำงานด้านแปลเกมญี่ปุ่นได้

ถามว่า มีแลปไหนมั้ย ที่ครอบคลุมที่ว่าไปข้างบน ก็คงไม่มี.. อยากทำหลายๆอย่างที่ว่ามาจริงๆนะ แล้วถ้าทำแล้วก็คงเก่งขึ้นในสิ่งที่อยากเก่ง แต่น่าเสียดายที่การเก่งขึ้นพวกนั้นมันไม่ได้เปลี่ยนเป็นใบปริญญาได้ เหมือนการวิ่งในลู่ที่เรียกว่าแลป ก็เลยต้องยกเลิกทั้งหมดนั่นไป เพราะยังไง หลักประกันที่จะได้มาก็คงมีประโยชน์ในอนาคตกว่าอันนี้ก็เห็นด้วย ในอนาคตจะเอาอะไรกินถ้าไม่มีงาน ถ้ามีปริญญา ก็คงมีงานง่ายขึ้นจริงๆ ใบปริญญาเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันแปลก... ที่คน "เก่ง" คือ "คนวิจัย" ทุกคน

น้องคนนึงชื่อน้องไท เคยมาฝึกงานที่นี่แล้วได้ข้อสรุปว่าไม่ค่อยชอบทำเปเปอร์แบบนี้เท่าไหร่ ชอบทำ application มากกว่า.. ตอนนั้นที่คุยกันก็คุยเล่นๆ ตอนนี้เข้าใจจริงแล้ว เราท่าจะเป็นคนแบบเดียวกัน ..ก็ดีนะที่ยังมีคนที่เหมือนเราอยู่อีก

แต่มาที่นี่ก็ได้ประโยชน์ที่ได้คิดได้อย่างที่พิมพ์มาทั้งหมดนี่ล่ะนะ รู้สึกแปลกๆ ที่สิ่งที่ได้จาก ป โท กลับกลายเป็นแบบนี้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว

เหลืออีก 1 ปีเต็มจะจบ ป โท.. ตอนนี้เหลือ solution เดียวคือทำของแลปด้วย แล้วทำสิ่งที่อยากทำจริงๆด้วยนั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะตายมั้ย ต้องลองล่ะวะ

ในอนาคตอาจจะเข้าใจระบบของ "ปริญญาโท-เอก" มากกว่านี้ แต่พิมพ์ไว้เป็นหลักฐานว่าครั้งหนึ่งเราเคยไม่เข้าใจมันละกันจะได้กลับมาเปรียบเทียบ

No comments:

Post a Comment