ไดอารี่ โดยเฉพาะ "ประจำวัน" นี้ปัจจุบันไม่รู้ยังมีคนมีวินัยขนาดเขียนได้อยู่มั้ย ผมก็เป็นคนที่ไม่มีทางทำแบบนั้นได้
ก็เลยเกิดเป็นเอนทรี่นี้ ไดอารี่ประจำวัน ที่จะเขียนแค่วันเดียว! โกงมั้ยล่ะ แต่มันก็น่าสนุกใช่ม้า เรื่องของเรื่องคือวันนี้คือวันสุดท้ายที่ผมจะทำงานให้กับ บ. เกมที่อยู่มาปีนึงครับ ก็เลยอยากเก็บไว้ดูเล่นว่าครั้งหนึ่ง วันๆที่ทำงานที่นี่เป็นไงบ้าง เอาล่ะ มาเริ่มไดอารี่ประจำวันสุดท้ายกันได้เลย (ของใน Spoiler คือสิ่งที่ไม่ควรมีในไดอารี่แต่อธิบายเสริมไว้เฉยๆครับ)
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
30 พฤษภาคม 2557
วันนี้วันสุดท้ายแล้วที่จะได้เข้ามาทำงานที่ Extend Interactive การเดินทางที่ไม่ไกลแต่น่ารำคาญได้เริ่มต้นขึ้นนั่นคือ เดินออกมาปากซอย ขึ้นสะพานลอย ลงสะพานลอย ขึ้นรถตู้ ลงรถตู้ ลง MRT ขึ้น MRT เดินเข้าซอยที่รถเยอะแต่เสือกไม่มีฟุตบาท ขึ้นลิฟต์มาถึงที่ทำงานในที่สุด บางทีเวลาจะเลือกที่ทำงานไม่ใช่ดูแต่เวลาเดินทางนะแต่ดูความเมื่อยด้วย เรื่องคือแต่ละขั้นตอนมันสั้นมาก แค่ 5 นาทีเองมั้ง ทำให้ยังไม่ทันได้พักผ่อนอะไรเลยก็ต้องลงๆขึ้นๆยานพาหนะ อิฉฉาพวกที่ไปทำงานไกลๆแต่นั่งยาวได้เลยจริงๆนะ วันแล้ววันเล่าที่ต้องอ่านแบบเรียนญี่ปุ่นในมือถือไปด้วยขณะที่ฝ่าด่านนรกพวกนี้ไปกลับทุกวันมันก็เหนื่อยสะสมแถมจะอ้วกด้วย โดยเฉพาะขากลับที่ขึ้นรถตู้ไม่ได้ รถติดเกิน ต้องเดินกลับแถมต้องคอยหลบวินมอไซค์เวรบนฟุตบาททุกๆ 2 นาทีอีก อ่านมือถือไปด้วยนี่อันตรายมาก
บอกก่อนว่าผมทำงานที่นี่ในตำแหน่งที่พี่ให้ตั้งชื่อเอง ก็เลยตั้งว่า Sound Programmer จริงๆตั้งใจจะเข้ามาฝึกฝนวิชาด้านเสียง แต่งานแบบนั้นมันไม่ได้มีตลอด สุดท้ายก็เลยเป็นจับฉ่าย กลายเป็นโปรแกรมเมอร์ เป็นเทสเตอร์ นานๆทีจะได้ทำเสียงครับ
มาถึงโต๊ะทำงานที่วันนี้จะต้องจากกันแล้ว เปิดคอมด้วยความตื่นเต้นเพราะอะไรน่ะหรือ เพราะว่าเมื่อวานก่อนนี้เพิ่งได้รับอนุญาติสุดยอดจากพี่โปรแกรมเมอร์ ว่าต่อไปนี้ทำเสียงใส่เกมก็พอ ไม่ต้องไปใส่เองแล้ว !!
Spoiler:
Spoiler:
เสียงของจอมมารได้แอบตะโกนมาจากบ้านแล้ว พร้อมด้วยยัด Effect เข้าไป 1 พวงจากเสียงโปรแกรมเมอร์กากๆก็กลายเป็นจอมมารได้ไม่ยาก แค่ Transpose ลง ยัด EQ เอาเสียงหวอๆออก ใส่ Ring Modulation ให้มันนอกโลกหน่อยแล้วปิดท้ายด้วย Reverb ตามสูตร สู้อยู่ในถ้ำด้วยยิ่งเหมาะสินะอืมๆ
หั่นจอมมารที่ตะโกนมาจากบ้านเป็นชิ้นๆ |
เอฟเฟคนี้มีชื่อว่า Evil Force ! |
เสียงจอมมารที่ยากที่สุด ImmensePain2 ที่จะเล่นหลังจากโจมตีเข้า Hit สุดท้ายนี่ Pain จริง ต้อง อะเฮื้อออออออออออาาาาห์..... (ต้อง อาห์ ค้างไว้จนกว่าเสียงจะหายไป) ทรมานจนทำให้เป็นแผลที่คอเลย ตอนนี้กลืนน้ำลายก็ยังเจ็บอยู่ฮ่าๆๆ ตอนอัดเสียงยังติดเสียงไอเจ็บคอแถมท้าย ยังฟังได้อยู่เลย
อะ.. อะ.. เฮื้ออออออออ แค่กๆ กลายเป็น ImmensePain2 |
เขียวอ่อนคือกะดึ้บๆ |
หัวเราะอย่างเดียว ฮี่ๆๆ |
Complex Pro FTW! |
พลังสายฟ้าสีส้มของจอมมาร อืมมม นี่ต้องทำเสียงให้เป็น Iconic หน่อย ประมาณว่ามันมีที่เดียวในเกมที่จะมีสายฟ้าออกมา... เกมนี้ค่อนข้างธรรมชาติ มีเสียง Ambient อะไรเป็นต้นไม้ ลม นก เพราะงั้นขอ Contrast ด้วยการใช้ Lazerbass!! ซึ่งเป็น Synth ใหม่ที่มีมาให้ใน Reaktor 5 ที่เสียเงืนไป 3000 กว่าบาทซื้อมาเมื่อวันก่อนนี่เอง (มันลดจาก 13000 หล่ะ) ไอ้เจ้า Lazerbass นี่หรูตั้งแต่คลื่นต้นแบบละ ไม่ใช่ Sin ไม่ใช่ Sawtooth ไม่ใช่สามเหลี่ยม แต่เป็น Dual Saw! Multi Square! ปรับจำนวน Partials ที่มีได้ แถมยังสามารถคูณเลข หรือบวกเลขเข้าไปใน Partials ต่างๆได้อย่างสร้างสรรค์ ได้เสียงที่แซ่บแบบเลเซอร์ๆจริงๆ เรียนรู้ไม่ยากเท่า Synth ที่แถมมากับ Ableton Live ด้วยนะ
ดูคลื่นที่มีให้เลือกที่มุมบนซ้ายนั่นสิ! |
และจุดประสงค์ที่ใช้ Lazerbass คือนี่.. Periodic Filter! ตรงกลางของมันมีพลังที่จะดึงเอา LFO หรือ Envelope มาสั่นหวึ่งๆใส่อะไรหลายอย่างได้ มันช่างเหมาะกับการชาร์จพลังของจอมมารจริงๆ ลองมองวิดิโอ iPod แล้วคิดในหัวซิ หวึ่งๆๆๆๆๆๆๆๆ เปรี้ยม!!! วู่บๆ เปรี้ยมงั้นหรือ ไปก๊อปเสียงระเบิดจากโปรเจคเก่ามารวมพลังกับ Lazerbass ละกัน ว่าแต่ไอ้ Synth นี่หน้าตาหล่อเหลาดีนะ เล่นสีได้ดีมาก
ไอ้เม็ดกลมๆนั่นดีมากเลย มันแกว่งๆตาม LFO/Envelope ทำให้เรา "เห็น" เสียงได้ |
ส่วนเสียงลาวาก็แค่เอาไมค์ยัดปากแล้วกลั้วคอ เอาไปยำกับเสียงอื่นก็ทำให้แค่เสียงกลั้วคองอกออกมาเป็นเสียง VolcanicRockShoot, VolcanicRockHit, VolcanoEruption ได้ไม่ยาก...ตู้ม! บลึกๆ ผชิ! บลึกๆ ไม่ว่าอะไรพอใส่บลึกๆเข้าไปก็กลายเป็นลาวาในทันที!
กลับมาที่เสียงคอมพิวเตอร์ที่มีแค่ที่เดียวในเกมอีกเหมือนกัน (คนทำเกมก็ขยันนะ) แถมมีแค่แปปเดียวเอง จัดไป ถือโอกาสเรียนรู้ Synth ใหม่ที่มากับ Reaktor 5 นั่นคือ Oki Computer! ไอ้ตรง Table ข้างล่างนั่นเป็นคีย์สำคัญ มันจะมีขีดวิ่งจากซ้ายไปขวา แล้วความสูงที่ปรับไว้จะเอาไปทำอะไรก็ได้ แน่นอน เอาไปปรับ Pitch ไงล่ะ ผลก็คือ จากเสียง บิ๊บๆๆๆๆๆๆ รัวๆ จะกลายเป็น บิ๊บ บุ่บ บุบ บึบ ๆๆๆๆ เลียนแบบเสียงคอมพิวเตอร์ในหนัง Sci-Fi ที่ได้ยินบ่อยๆ ข้างบนนั่นเป้น Wavetable Synth พูดง่ายๆก็คือมันมีคลื่นรูปร่างมหัศจรรย์มาให้แล้วตั้ง 50 แบบ เราก็มันส์ได้โดยเลือกโหลดแบบต่างๆใส่ช่องไว้ แล้ว Morph ระหว่างช่องได้!
Combo Oki Computer + Arpeggiator ของ Ableton Live ทำให้กดปุ่มเดียวค้างไว้กลายเป็นรัว พอผ่าน Synth ไปก็จะได้ บิ้บๆๆๆๆๆๆๆ แอบเอา Table ไป modulate Wave นิดนึงขำๆ |
อ้ะ เขียนเพลิน บางอย่างก็หลุดมาจากเมื่อวานแฮะแต่ช่างมันเถอะ
อ้าวลืม! เสียง Flora นางเอกของเราสับสวิตซ์ในก่อนสู้บอสใหญ่ยังไม่มีเลย เป็นสวิตซ์แบบสับที่ค่อนข้างใหญ่ก็เลยใช้เสียงเดิมไม่ได้ ครั้งนี้ใช้ไมโครโฟนเสกเลยดีกว่า เริ่มจาก Shaping ให้มีรูปร่างเสียงที่ต้องการก่อนนั่นคือ กระตั่ก! ก็เลยเอากล่องพลาสติกมาเคาะกับโต๊ะแบบเอาปลายๆลงก่อนเพื่อให้ลง 2 จังหวะ กึกกั่ก! แบบนี้ ได้ sound envelope ที่ชอบก็สบายแล้ว ทีนี้ก็ทำเสียงให้เหมือนที่อยากได้ นั่นคือใส่ Overdrive เข้าไป (ที่เขาใช้กับกีตาร์ไฟฟ้านั่นแหละ) ปรับค่าหน่อย กึกกั่ก ก่องกั้ก แก็กกั่ก กระตั่ก!! ได้กระตักมาอย่างไม่ยาก เสียงนี้แค่ 15 นาที ครั้งนี้เราไม่กลัว Noise รอบข้างจนต้องหนีไปบันไดหนีไฟแล้ว เพราะเราได้เทคนิค Processing ที่พอจะเนียนเอา Noise ออกได้จากการทำงานมาปีนึง แล้วถึงเสียงในห้องดังก็ยังใช้เทคนิค "อัดเสียงในกระเป๋า" ที่ไปเรียนรู้มาจากงานสัมมนาที่เพิ่งไปมาไม่นานนี้ได้! (แต่ในกระเป๋าจะมีที่ขยับน้อย เวลาเคาะระวังโดนไมค์แล้วจะดังตุบๆ ใช้การไม่ได้ครับ)
กระตั่กใช้กล่องพลาสติกที่วางอยู่ริมซ้ายของภาพ ไอ้ที่อยู่หน้าไมค์นี้มีนอตกับเหรียญ ใช้ทำเสียงกระจกแตก |
หลังจากพิมพ์รายละเอียดการใส่เสียงอันมากมายตั้งแต่เริ่มสู้บอสใหญ่ ตี Hit สุดท้ายเสร็จ และวิ่งหนีตายออกมาจากภูเขาไฟลึก ในที่สุดผมก็เล่นเกมนี้จบเป็นครั้งแรก... (พี่ๆคนอื่นคงจบจนเบื่อละ 555) วันนี้เป็นวันที่ได้ทำเสียงเยอะที่สุดตั้งแต่เข้ามาทำงานที่ บ. เลยเพราะไม่ต้องเอาไปใส่เอง ถ้าใส่ + เวลา Debug คงเสียไปอีก 1 สัปดาห์แน่ เยอะมาก 555 แต่จริงๆแล้วควรฟังอีกทีเมื่อพี่เขาเอาใส่ให้แล้ว เพราะการวัดผลต้องวัดแบบ In the mix เท่านั้นครับว่าอยู่กับเพลงจะเป็นไง เพลงบอสใหญ่มีกลองเยอะ แล้วจะได้ยินเสียง Sfx ย่านต่ำชัดมั้ย หรือเสียงที่ใส่ไปมันจะบวกกันเกิน 0 Db ในกรณีใดๆรึเปล่า ถ้ามีจังหวะที่หลายเสียงเล่นพร้อมกันอาจเกิด digital clipping ทำให้ BGM ฟังดูเบาลงแปปนึงได้เลยทีเดียว ประสบการณ์จากเกม ARES EX ที่ทำไปเมื่อปีที่แล้ว.. แต่การฟัง SFX แบบเดี่ยวๆก็สำคัญ ทำไมน่ะหรือ เพราะว่าผู้เล่นสามารถปิด BGM แต่เปิด SFX เล่นได้ไงล่ะ
พูดถึงเรื่องนี้ ก็ไปลองฟังเสียงตัวละครที่พากย์ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว... เชี่ยย! คุณภาพมันกากมาก คือตอนนั้นจำได้ว่าอัดเสียงที่บันไดหนีไฟ เพราะ บ. ไม่มีตรงอื่นเงียบกว่านี้แล้ว จะพูดแต่ละทีต้องพยายามหลบเสียงรถ เสียงขุดถนน เสียงไก่ขัน ซึ่งปัญหาคือ รถ ขุดถนน กับไก่ขันมันมาเป็น Periodic นี่สิ! พอ 3 Periodic มาเล่นแบบความถี่ในการเกิดขึ้นไม่เท่ากันทำให้หาจังหวะพูดตอนเงียบๆยากโคตร ตอนเงียบมีเด็กเวรตะโกนขึ้นมาซวยอีก
ถึงจะกะจังหวะยังไงเสียงที่อัดมาก็มี Noise Floor เพียบอยู่ดี ก็คือเสียงบรรยากาศครับ สมมติว่าอัดเสียง ยะฮู้! มันก็จะได้ยินเป็น ยะฮู้! อี่~ เพราะตอน ฮู้ กำลังจางหายไป Noise มันก็คงที่ของมันอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ต้นแล้ว ทำให้ได้ยินชัด จุดนี้ใช้เทคนิคที่นึกขึ้นได้เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาคือ เปลี่ยน Noise เป็น Feature ซะเลย!
ทำง่ายๆแค่ใส่ Fade out ตอนท้ายให้ Slope รับกับการเฟดของ ฮู้! พอดี ถ้าทำสำเร็จจะประหนึ่งว่าเสียงที่อัดมา Clean เหมือนอัดจากห้องอัดเลยทีเดียว ส่วน Noise ที่มีก็โดนลวงตาว่าเป็นความคอแหบของเสียง ยะฮู้! ไปโดยปริยาย การเปิดไฟล์เสียงพวกนี้ทำให้ตลกว่า ปีที่แล้วทำไมเราไม่เห็นจุดผิดที่ Obvious ขนาดนี้กันนะ ถ้าคนเล่นแบบปิด BGM จะน่ารำคาญไม่น้อยเลยที่จะได้ยิน อี่~ แล้วก็ตัดฉับหายไปในทุกๆคำพูด ต่อจากนี้ก็เลยได้นั่งใช้เทคนิค เปลี่ยน Noise เป็น Feature อัพเดทกับทุกตัวละครทุกๆเสียงจนครบ จะว่าไปแล้วในเกมนี้ได้พากย์เป็นหลายตัวดีนะ ตั้งแต่ตัวเขียวๆ 4 แบบ ตัวดอกไม้ผู้หญิง ตัวป่วนสีม่วง นก ช้าง จอมมาร พ่อ ถ้าจะให้กลับไปเพิ่มเสียงตัวเดิมให้มากขึ้นนี้คือทำไม่ได้แล้ว จำเสียงไม่ได้ว่าต้องดัดเป็นยังไงก่อนจะใส่เอฟเฟค 555
ย้อนกลับไปดูด่าน Home อา...คิดถึงด่านนี้จัง อารมณ์เหมือนเพิ่งจบเกมแล้วกด New Game+ เลยสินะ (แต่เกมนี้มันไม่มีระบบนั้น) พบว่าเหตุการณ์ต่างๆได้เปลี่ยนไป เจอจุดที่ต้องใช้เสียงใหม่เช่นพลังพวยพุ่งที่น้ำพุก็เลยใช้ Lazerbass จัดให้เป็นเสียงสุดท้ายของการทำงานที่ บ. นี้ เนื่องจากจะค่ำแล้วเลยไม่ Sculpt เสียงเองแล้ว แต่สกรอหา Preset แล้วยัด LFO ใส่ Periodic Filter ให้ไปแกว่งใส่ Phase เพื่อให้มันหวึ่งๆเข้ากับภาพ Particle แล้ว EQ ต่อนิดหน่อย เล็งให้ Seamless looping และในที่สุดก็กด... Export...
Export ครั้งสุดท้าย ปุ่ม Normalize สีเหลืองเหมือนจะบอกผมว่า วันนี้เต็มที่ไปเลยสินะ งาน Sound Design ใช่แล้วล่ะ นานๆทีได้ทำเสียงอย่างเดียวนี่มันสนุกดีจริงๆ
โต๊ะทำงานวันสุดท้ายไม่ต่างจากทุกวันเท่าไหร่ |
เก็บโต๊ะ จะว่าไปแล้วโต๊ะตัวนี้แทบไม่ได้จัดใหม่เลย บรรยากาศที่มองเห็นได้จากหลังโต๊ะนี่ก็เหมือนเดิมตั้งแต่เข้ามาทำงาน.. เป็น ชั้นหนังสือ ชื่อหนังสือการ์ตูนบนชั้นที่มองจนชิน ถ้วยรางวัลต่างๆที่อยู่บนสุดของตู้
คิดๆดูแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าที่นั่งตรงนี้ "BG" มันไม่ Dynamic เอาซะเลย ที่ทำงานของบางคนอาจจะเห็นหน้าต่างเป็นฉากหลัง เห็นเมฆเปลี่ยนสีตามกาลเวลาเป็นฉากหลัง เห็นเพื่อนร่วมงานขยับไปมาเป็นฉากหลัง ใครที่ได้ทำงานแล้วมีฉากหลังดีๆ น่าอิฉฉาเหมือนกันนะครับ
ที่นี่น่าเสียดายที่ไม่มีท้องฟ้าให้ดู ม่านเปิดไม่ได้เพราะแสงจะสะท้อนจอ ออกมาจากงานก็มืดดำหมดแล้ว ที่ตากลมไม่มี ไม่มีความ "ไกล" ให้มองออกไป รอบข้างมีแต่ตึก ถ้าที่ทำงานใครมีสิ่งที่ "ไกล" ให้มอง ก็ใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่ครับ ช่วยได้มากโดยเฉพาะงานคอมพิวเตอร์นะ
ตอนสมัยเรียนที่เกษตร ตรงลิฟต์ของแต่ละชั้นก็จะมีหน้าต่างให้มองออกไป ตอนนั้นก็มองบ่อยๆนะ แบบไม่รู้ตัว เพิ่งมาตระหนักความสำคัญวันนี้แหละ ว่าพอไม่มีหน้าต่างแล้วมันรู้สึกยังไง
ถอด USB Hub ออกเพราะพอร์ต USB มันไกลเกินเลยต้องซื้อ Hub มาใช้ สิ่งที่ต่อกับ Hub อยู่คือ KORG Nanokey2
มันเป็นอุปกรณ์ Sound design ที่ยอดเยี่ยมมาก มันเป็น MIDI Controller หนึ่งเดียวที่วางทาบกับคีย์บอร์ดคอมได้แบบ Modular design สุดๆ ปุ่มก็ใหญ่ ไม่ต้องทำลิ่มกากๆแต่เป็นปุ่มไปเลย... แถมมีความสามารถอยู่ในช่องเดียวกันกับโน้ตบุคได้ บางเฉียบ เวลาออกแบบเสียงด้วยเจ้านี่มันสนุกดี กินที่บนโต๊ะน้อย และสามารถใช้เป็นที่รองข้อมือตอนเขียนโปรแกรมได้ หรือจะยกออกไปก็ง่ายดาย เอามือรูดๆ หยิบมาด้วยความที่ไปเที่ยวฮ่องกงแล้วราคามันถูกมากเฉยๆ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้กลายเป็นคู่ซี้กันนะ ใครที่เห็นแวบแรกแล้วดูถูกมันว่าทรงแปลกๆ ไม่น่าใช่งานได้จริงนี่ผิดมหันต์เลย ใช้ดีกว่าพวกที่เป็นลิ่มเล็กๆเยอะ ส่วนตุ๊กตุ่นข้างหลังนั่นที่ไปคีบมาจากญี่ปุ่นก็โดนเก็บเข้ากล่องไปด้วยกัน
Monotron Delay ซินธ์อนาลอคตัวแรกในชีวิตเพราะตัวอื่นแพงเวอร์ |
Korg Monotron Delay ที่เห็นว่าถูกก็เลยมือไวหยิบมาจากฮ่องกงอีกเหมือนกัน กะจะเอามาออกแบบเสียง แต่เสียงของมันควบคุมให้ Clean ยากมากกก ไม่เหมาะกับการทำ Sfx ก็เลยกลายเป็นของประดับโต๊ะไปซะงั้น ส่วนตัวตุ๊กตุ่น Love Live นั่น พี่ที่ บ. ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาเลยหยอดกาชาปองหลายอันมาฝาก บ. ก็ต้องย้ายบ้านไปอยู่หอด้วยกันซะดีๆ
git push ครั้งสุดท้าย |
คอมพิวเตอร์ได้เอา Password ออกเป็นครั้งแรก จริงๆแล้วไม่ต้องมีพาสเลยแต่แรกยังจะดีกว่าไม่รู้ตั้งทำไม หลังจากเคลียร์ถังขยะและเก็บกวาด Desktop ให้เรียบร้อยก็ถึงเวลาชัตดาวน์ และก้มลงไปถอด USB คีย์บอร์ดกับเม้าส์ออก เป็นวินาทีที่รู้สึกเหมือนเราได้เอาชีวิตของคอมพิวเตอร์ออกไปอย่างไงอย่างนั้น คีย์บอร์ด Mechanical แบบ Brown Switch ที่ไปซื้อจากญี่ปุ่นถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เวลาพิมพ์โค้ดมันรู้สึกลื่นปื้ดๆ 555
และแล้วก็บอกลากับพวกพี่ๆที่ยังไม่กลับบ้าน 1 ปีที่ผ่านมานี้ได้อะไรเยอะแยะเลยจริงๆโดยเฉพาะ Ableton Live, Vim และ Unity ใช้คล่องขึ้นมากครับ ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ให้โอกาสทำงานจริงๆแบบนี้ครับ
เกมที่ทำเสียงให้ในเอนทรี่นี้คือ So Many Me ซึ่งอีกไม่นานคงออกมาให้เล่นกันแล้ว ใครสนใจ Puzzle Platformer บรรยากาศชิลๆอย่าลืมเล่นล่ะ!
และแล้วศึกกับบอสใหญ่ในวันสุดท้ายนี้ก็สิ้นสุดลง ก่อนไปขอเสนอห้องน้ำ สถานที่ผ่อนคลายหนึ่งเดียวของที่นี่ที่จะมีลมโกรกเข้ามาทางหน้าต่างเล็กๆ และมีทิวทัศน์ให้มองเล่น แต่เข้านานไม่ได้อีกเพราะทุกคนในชั้นใช้ห้องน้ำเดียวกันนี้ ลำบากชีวิตมาก 555 ฝาส้วมก็ชอบแตก สบู่ล้างมือก็ชอบหมด (แต่หลังๆมีพร้อมแล้ว)
ช๊อตสุดท้ายกับทางเข้าที่เห็นจนชินครับ
อ่านจบแล้ว เป็นไดอารี่จริงด้วย ได้ความรู้เพิ่งกระจึ๋งเดียว แต่สนุกดี 555
ReplyDelete