Saturday, July 1, 2017

Echo เมเจอร์รัชโยธิน

ตอนนี้ตี 2 ครึ่งแล้ว เพิ่งกลับมาจากเมเจอร์

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของร้านเกมสาขานี้แล้วเนื่องจากเจ้าของ chain สู้ราคาพื้นที่ของทางเมเจอร์ไม่ไหว เลยเห็นว่าต้องทะยอยเอาออกจากเมเจอร์ และที่นี่ที่ใกล้บ้านขนาดเดินมา 5 นาทีก็ถึง มันคงไกลจากหลายๆคนแล้วมากันยาก บวกกับก่อสร้างสายสีเขียวอีก

ก็เลยถึงเวลาต้องจากกันแล้ว





ย้อนกลับไป เริ่มมาที่นี่ตั้งแต่ประมาณ ปี 2 รึเปล่านะ ตอนนั้นเพิ่งออกจากหอที่อยู่ตรงข้าม ม.เกษตรมาอยู่แถวเมเจอร์ สมัยนั้นยังนั่งรถยาวๆไปท่องเที่ยวกรุงเทพอยู่เลย เพื่อแค่หาว่าห้างไหนมันมี Technika ให้เล่นบ้าง

เมเจอร์ไม่ค่อยได้มาเพราะไม่ค่อยมีเกมที่เล่นอยู่ จนกระทั่งตัดสินใจเริ่มเล่น Pump It Up เพราะเพื่อนคนนึงชื่อเรียวชวนเล่น ชวนครั้งแรกที่ไหน ก็ที่เมเจอร์รัชโยธินนี่แหละ ตอนนั้นเล่นไม่เป็น แต่ตอนนี้กลายเป็นอย่างเดียวที่ทำให้เราออกกำลังกายอย่างเต็มใจได้ ก็เลยเล่นมาตลอด

เครียด เหนื่อย อกหัก เซ็ง อะไรๆก็มาที่นี่หมดเลยล่ะนะ เหมือนมันมีอีกโลกนึงที่เราเก่งกว่าปกตินิดหน่อยรออยู่นี่นา มีที่ให้หนีให้ซ่อนชั่วคราว

จนมียุคนึงที่ Technika 3 โผล่มาที่เมเจอร์ก็เลยเริ่มมาบ่อยขึ้น แล้วก็ยุคที่ maimai GreeN มีเน็ตแล้วเห็นคน Sync กัน 4 คนสนุกสนาน ก็เลยได้เริ่มเล่น maimai ไปด้วยเลย





ตอนนั้นได้คะแนนแค่นี้ก็ดีใจแล้ว





แล้วก็ตอนนั้น มีตู้ Pump 3 ตู้เลยนะ



ช่วงนั้นเพลงที่ตราตรึงใจก็คงจะเป็น เพลงโทโฮเลเวล 12 เพลงนึง ที่ ตึดึๆตึดึๆดื้อ! ตรงท่อนฮุค ที่คนพากันเลือกกันเพื่อนจะพิชิตให้ได้ ช่วงนั้นเพลงบอสมีไม่กี่เพลงนอกจากการากุตะ, System Z

แล้วบางทีก็ได้รู้จักกับคนใหม่ๆแบบ random ได้รู้จัก Slothy ที่เป็นนักวาดภาพ ได้รู้จักเนที่เรียนหมอ (น่าจะ) ได้รู้จักอ๊อบ (ที่ไม่ใช่พี่อ๊อบอีกคน) ที่เจอกันเป็นครั้งคราจาก Technika อยู่แล้วไม่คิดว่าจะมาเล่น maimai ที่นี่ด้วย แล้วก็ T.K. ที่เห็นเล่นประจำมานานแล้วแต่ไม่เคยทักจนกระทั่งไม่นานนี้ และอีกหลายๆคนที่แค่จำชื่อที่โชว์บนจอบนของตู้ maimai ได้ แต่ไม่เคยคุยด้วยเลย

แล้วก็มีช่วงก่อนไปเรียนโทที่ญี่ปุ่น ที่ตู้ TNK3 ที่ปิดกิจการไปแล้ว พี่ดราฟพาฟื้นกลับมาเป็นเซิฟเถื่อนได้ 555



มาเข้าช่วงทำงานประจำ ที่รถแสนจะติดจนต้องเดินจากเซ็นลาดมาเมเจอร์เองหลายครั้ง ติดจนเดินแซงรถได้ ก็จะเหมือนมีเมเจอร์เป็นเส้นชัยก่อนเข้าห้องทุกครั้ง แวะเล่นซักหน่อยดีกว่า

จากเด็กอุดร ที่ไม่เคยรู้สังคมเกมตู้มาก่อน อิฉฉาคนกรุงเทพมาตลอดตั้งแต่สมัย DDR ฮิตกัน ตั้งแต่สมัย TNK 1 เข้าตอนที่เราอยู่ ม. 6 พอดี ไม่น่าเชื่อว่าจะมาถึงวันที่ร้านเกมอยู่ห้างจากห้องแค่ 5 นาทีได้ อนาคตมีอะไรไม่แน่นอนเยอะแยะจริงๆ

หลายๆครั้งเพลงก็คิดออกที่นี่ ไอเดียเกมก็คิดออกที่นี่ บางทีก็มานั่งแช่ฟัง ambient วุ่นวายๆของร้านเกมเฉยๆก็มี โตแล้ว จะทำตัวเหมือนเด็กเหลวไหลยังไงก็ได้ 555

จนถึงตอนที่ไปเรียน ป.โท 2 ปีที่ญี่ปุ่นที่ห่างหายจริง แต่กลับไทยกี่ที ก็แวะมาที่นี่อย่างน้อย 1 ครั้งก่อนกลับไปญี่ปุ่นเสมอ เคยเอามาม่ามาฝากพี่ๆแลกเหรียญด้วย

พูดถึงพี่ๆแลกเหรียญ เป็นพนักงานที่ดีที่สุดในชีวิตที่เจอมาแล้วจริงๆ เขาจำลูกค้าได้หมด แล้วลูกค้าหลายๆคนก็เหมือนเรา ช่วงชีวิตใหญ่ๆมาทิ้งอยู่ที่นี่ จนพี่ๆแลกเหรียญได้เห็นหมดตั้งแต่เริ่มเรียน จนเรียนจบ คงเห็นแบบนี้มาทุกคนไม่ใช่แค่เรา พี่เขาบอกว่าอยู่มาเป็น 10 ปีแล้ว นานยิ่งกว่าเรา

ที่นี่มาแล้วรู้สึกได้ว่าดูเป็นของๆพี่เขา ร้านก็จัดเอง ตอนแรกที่ตู้มาลงจัดไม่ได้เรื่องก็ยกตู้จัดเองตาม feedback ว่าเกมไหนเสียงตีกันแค่ไหน volume config ต้องปรับเท่าไหร่ ตู้ไหนอยู่หน้าร้านจะดีกว่า ฯลฯ แล้วเราสามารถคุยได้หมด ไม่เคยรู้สึก distant เหมือนพนักงานที่อื่นๆ หรือพนักงาน mario land เลย ตอนจะปิดร้านพี่ก็พูดอยู่ ว่านี่คือบ้านจริงๆ จัดเอง ตอนอัพเกรดก็ดูแลเอง แม้แต่แผ่นกระเบื้องต้องใช้กี่แผ่นก็มาช่วยนับช่วยออกแบบเอง

ไม่ใช่แค่เรานะ ไปคุยกับใครที่เคยมาที่นี่ก็ชมแบบนี้ทุกคน เห็นว่าหลังจากปิดแล้วมีพี่ๆส่วนนึงที่ต้องออกไปลุยต่างจังหวัด เพราะทาง Echo คิดว่ากรุงเทพแข่งขันสูงเกินไป เป็นหัวหน้าทีมเลยด้วย เพื่อออกไปเทรนพนักงานที่ต่างๆ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผลยังไม่แน่ว่าจะปิดจริงมั้ยทั้งๆที่กำหนดวันที่ 29 มาแล้ว เราก็เลยมี miracle meeting กันเล็กๆเผื่อจะมาปาฏิหารย์เกิดขึ้น วันนั้นรวมญาติมากๆ











หนึ่งในบรรยากาศกิจกรรมจากงานที่อัดมา



แต่แล้วปาฏิหารย์ก็ไม่เกิดขึ้น แต่วันเปิดยืดไปถึงวันที่  30 วันนี้เราเลยมีจัดโปรโมชั่น Free Play + Event Mode + ตัดเน็ต ทั้งร้านขึ้นมา




Free Play จริงๆนะ







ก่อนถึงวันสุดท้ายลองอัดคลิปไว้บ้าง เพราะเดี๋ยวจะไม่มีโอกาสแล้ว





Move That Body! นี่ก็อีกเพลงที่สมัย ปี2-3 ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะผ่านไอ้โน้ตบ้าๆที่ยัดมาแบบนั้นได้



วันสุดท้าย เกิดเรื่องไม่น่าเชื่อขึ้นคือผ่าน Selfishness D18 แบบ Rank Mode Break On ได้ครั้งแรก หลังจากที่พยายามมา 2 ปีแล้วล่ะมั้ง ที่จะฝ่าฝันนรก 16th stream ไปให้ได้ ก็เลยได้รู้ว่าจริงๆเรามีความสามารถอยู่แล้วแหละ แค่เราไม่พยายามเอง มันคนละเรื่องกันเลยนะพยายามกับความสามารถเนี่ย ลองคิดดูดีๆ



แล้วก็ปกติไม่เล่นไทโกะ แต่เห็นฟรีก็เลยลองเล่น ผ่าน キラメキラリ แบบเพิ่งเคยเห็นโน้ตได้ฉิวเฉียด กับน้องคนที่เล่นด้วยทักว่าพี่ซาก้อนรึเปล่า เลยตกใจเลยว่ารู้ได้ไง ก็เลยได้รู้ว่าอยู่แถวๆนี้เหมือนกันแล้วก็มาเล่นเหมือนกัน ปกติก็ไม่ค่อยกล้าทักใครไง มาได้คุยกันเอาวันสุดท้ายแปปเดียว ลืมถามชื่อในเกมมาเผื่อจะคุ้นจากในเน็ตบ้าง



หลัง 4 ทุ่มเราก็เปลี่ยนจาก Free Play มาเป็นหยอดปกติและแตะบัตรได้ ก็ได้คุยโน่นนี่นั่นกับพี่ๆแลกเหรียญไปเรื่อยๆ

Versus ครั้งสุดท้าย เล่นกับ T.K.



Sync ครั้งสุดท้ายเล่นกับ Slothy



อ้อ แล้วก็สุดท้าย Argent Symmetry, Spica กับ Shinkai Shoujo ก็ทำ SS ไม่ได้ก่อนร้านปิด เหอๆ แต่เพลงที่ทำได้ที่ตั้งใจไว้ก็มีนะ!

ปกติไม่ถ่ายรูปลงรูปนะแต่นี่กรณีพิเศษจริงๆ จะว่าไงดี ความรู้สึกคล้ายๆกับมีครูที่ปรึกษา ที่ช่วงดูแลเรายาวตั้งแต่ ป.ตรี ถึง ป.โท ยังไงยังงั้นเลย ถึงจะไม่ได้ปรึกษาอะไรกันก็เหอะแต่ฟีลมันแบบ มีอะ!




















สุดท้ายก็ถึงเวลาแล้ว ตอนนี้ประมาณตี 2 ละ ไม่เคยอยู่ดึกขนาดนี้มาก่อน

หน้าที่ปิดตู้สุดท้ายของที่นี่ ยังไงก็ต้องยกให้ T.K. ซึ่งเป็น host งานแข่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บวกกับสิงอยู่ที่นี่มานานกว่าเราหลายปีนัก แล้วก็ตู้ maimai นี้ เป็นตู้แรกของประเทศไทยด้วยนะ และเปิดให้เล่นครั้งแรกของประเทศไทยก็ที่นี่เช่นเดียวกัน (เป็นหนึ่งในคำถามในงานแข่ง เพิ่งรู้เหมือนกัน) ตู้นี้จะย้ายไปเซ็นทรัลลาดพร้าวหน้าโรงหนัง แต่คงไปยากกว่าเดิมมาก แล้วฟีลก็คงไม่เหมือนบ้านเท่าที่นี่แล้ว


และแล้วตู้สุดท้ายของ Echo รัชโยธินก็ดับ


เป็น 6 ปีกว่าที่คาบเกี่ยวหลายๆช่วงชีวิตของเราจริงๆ แต่นี่มันก็เสน่ห์ของเกมตู้นะ คือเราไม่ได้เล่นอยู่บ้านเมื่อไหร่ก็ได้ เราต้องแวะมา แล้วมันไม่สามารถเล่นให้จบได้ มันก็เลยอยู่เป็นคู่ขนานกับชีวิตมาได้จริงๆ

ถึงเวลาที่เราจะ graduate จากที่นี่แล้ว ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง



1 comment:

  1. อ่านแล้วน้ำตาไหล ;-;

    ReplyDelete